จำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุไฟไหม้ตึกอพาร์ตเมนต์ในฮ่องกง เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 75 ศพแล้ว ขณะที่ทีมกู้ภัยกำลังให้ความช่วยเหลือผู้ที่ยังคงติดอยู่ภายในอาคาร

สำนักงานดับเพลิงเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เปิดเผยในคืนวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. 2568 ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุเพลิงไหม้ตึกอพาร์ตเมนต์สูงหลายแห่งในโครงการที่พักอาศัย “หว่อง ฟุก คอร์ต” (Wang Fuk Court) ในเขตไท่โป ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวันพุธ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 75 ศพ แล้ว ในขณะที่มีผู้บาดเจ็บอีก 76 ราย

เหตุเพลิงไหม้ปะทุขึ้นเมื่อเวลา 14:51 น. วันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น ตึกอพาร์ตเมนต์สูง 31 ชั้นตึกหนึ่ง โดยไฟไหม้นั่งร้านไม้ไผ่ที่ห่อหุ้มอยู่นอกอาคารอย่างหนัก ก่อนที่ลมจะพัดสะเก็ดไฟไปติดที่นั่งร้านของอาคารอื่นๆ ในโครงการ จนลุกไหม้ทั้งสิ้น 7 จากทั้งหมด 8 ตึก

โครงการดังกล่าวเปิดตั้งแต่ปี 2526 โดยจากการสำรวจสำมะโนประชากรของรัฐบาลในปี 2564 อาคารแห่งนี้มีห้องชุดทั้งหมด 1,984 ห้อง และเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนประมาณ 4,600 คน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าตอนเกิดเหตุมีผู้คนอยู่ในอาคารกี่คน

ในวันพฤหัสบดี เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมที่มองเห็นจากภายนอกได้ทั้งหมดแล้ว และกำลังดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในอาคาร โดยเบื้องต้นช่วยออกมาได้สำเร็จแล้ว 55 คน แต่ยังมีผู้สูญหายอีกเกือบ 300 คน

ด้านนายจอห์น ลี ผู้บริหารเขตฯ ฮ่องกง เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เปิดศูนย์พักพิงฉุกเฉินไปแล้ว 9 แห่ง และขณะนี้มีผู้ประสบภัยเข้ามาอยู่อาศัยมากกว่า 500 คน นอกจากนั้น รัฐบาลกำลังจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งผู้ประสบภัยจะได้รับเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 41,400 บาท)

ขณะเดียวกัน กลุ่มอาสาสมัคร “ฮ่องกง การ์เดียนส์” (Hong Kong Guardians) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ 20 คนของพวกเขากำลังออกปฏิบัติการช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงและผู้คนออกจากตึกที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังมีสัตวแพทย์และพยาบาลสัตว์อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย

...

ทั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้ แต่ก่อนหน้านี้ตำรวจฮ่องกงเปิดเผยว่า จับกุมตัวผู้บริหารบริษัทรับเหมาก่อสร้างซึ่งรับผิดชอบในการปรับปรุงอาคารที่เกิดเหตุแล้ว 3 คน ในฐานะผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดในคดีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา และกำลังสืบสวนว่ามีการปล่อยปละละเลยหรือการทุจริตในการปฏิบัติงานหรือไม่


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc