2 รัฐมนตรีบินด่วนช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ "ธรรมนัส" ลงหาดใหญ่ชี้สถานการณ์น่าเป็นห่วง ประชาชนเดือดร้อนหนัก ขาดอาหาร น้ำ ไม่มีไฟฟ้า โรงพยาบาลวิกฤต "พิพัฒน์" ลงนครศรีฯ เร่งกู้เส้นทางให้กลับมาใช้ได้
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้เข้าขั้นวิกฤต โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องปรับภารกิจเร่งด่วนยกเลิกระหว่างการตรวจราชการที่ จ.สุรินทร์ เพื่อบินด่วนไปยังอำเภอหาดใหญ่เพื่อบัญชาการการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ร.อ.ธรรมนัสเปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เพื่อติดตามปัญหาราคาข้าวว่า จำเป็นต้องยกเลิกภารกิจที่สุรินทร์และมอบหมายให้นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการแทน เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่จังหวัดชุมพรไปจนถึงจังหวัดนราธิวาส
รมว.เกษตรฯ กล่าวต่อว่า ตอนนี้น้ำจากคลองสามสิบเมตรและคลองสายอื่น ๆ ได้ไหลเข้าท่วมถนนทุกสายในย่านใจกลางเมืองหาดใหญ่ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาโดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจชั้นใน ส่งผลกระทบต่อร้านค้าบ้านเรือนประชาชน รวมถึงบ้านพักของข้าราชการได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทำให้ตอนนี้ประชาชนประชาชนจำนวนมากกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร น้ำดื่มและไฟฟ้าใช้ ที่ทำคัญโรงพยาบาลหาดใหญ่ก็เข้าสู่ขั้นวิกฤตจากสถานการณ์น้ำท่วมด้วย
“ผมจำเป็นต้องปรับกำหนดการใหม่และรีบเดินทางไปอำเภอหาดใหญ่ เพราะสถานการณ์ตรงนั้นต้องระดมกำลังเข้าช่วยเหลือกันอย่างเร่งด่วน” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมที่จะบินด่วนตามไปยังอำเภอหาดใหญ่ในวันนี้เช่นกัน ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารท้องถิ่น ที่จังหวัดขอนแก่น
...
ขณะเดียวกันนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างเร่งด่วนหลังเกิดฝนตกหนักจนหลายอำเภอประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน สร้างความเสียหายในวงกว้าง ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักคือ อำเภอพระพรหมซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและเป็นทางรับน้ำจากอำเภอลานสกาและอำเภอเมือง ส่งผลให้บ้านเรือนถนนสายหลักและพื้นที่เกษตรถูกน้ำท่วมขังมาก นายพิพัฒน์จึงลงตรวจพื้นที่ มอบถุงยังชีพ ซึ่งล่าสุดระดับน้ำในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชเริ่มลดลงบางจุด แต่หลายพื้นที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบกรายงานว่า มีเส้นทางรถโดยสารประจำทางที่ต้องหยุดเดินรถชั่วคราว 3 สาย ได้แก่ สาย 1843 นครศรีธรรมราช–ทุ่งสง, สาย 8459 ทุ่งสง–กะปาง, และสาย 440 นครศรีธรรมราช–ภูเก็ต เนื่องจากน้ำท่วมบนทางหลวงหมายเลข 403 นายพิพัฒน์จึงได้สั่งการให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งเปิดเส้นทางที่สามารถใช้งานได้ จัดทำป้ายเตือน ในจุดเสี่ยงอย่างชัดเจน บูรณาการความร่วมมือกับจังหวัด ตำรวจ และฝ่ายป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง
นายพิพัฒน์ยังได้แจ้งถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาลว่า จะใช้เป็น "มาตรฐานกลาง" ทั่วประเทศ โดยยึดตามระยะเวลาที่น้ำท่วมขังและความเสียหายจริง หากน้ำท่วมขังต่อเนื่อง 1 เดือน ครัวเรือนจะได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้น 9,000 บาท น้ำท่วมขังเกิน 1 เดือน ช่วยเหลือเพิ่มเติมเดือนละ 5,000 บาท โดยจะเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดตามระยะเวลาที่เกิดความเสียหาย
รมว.คมนาคมบอกว่า ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ความปลอดภัยของประชาชนคือเรื่องใหญ่ที่สุด ทุกหน่วยงานต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วและอยู่ในพื้นที่ทำงานแบบไม่ให้ประชาชนต้องรอนาน ตนจะติดตามความเดือดร้อนของชาวนครศรีธรรมราชและภาคใต้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และกระทรวงคมนาคมได้เปิดช่องทางให้ประชาชนแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านสายด่วนของแต่ละหน่วยงาน อาทิ กรมทางหลวง 1586, กรมทางหลวงชนบท 1146, กรมการขนส่งทางบก 1584, บขส. 1490 และ รฟท. 1690 รวมถึงศูนย์ฉุกเฉิน 191 และสายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน 1669