“อนุทิน” เจอชาวบ้านโวย “คนลำบาก แต่นายกฯ นั่งรถ” น้อมรับความผิดพลาด ขอโทษประชาชน บอกเป็นใครก็โกรธ ลั่น ทุกข์ไม่ต่างกัน ย้ำสัปดาห์หน้าเงินเยียวยาต้องถึงผู้ประสบภัย-ศพละ 2 ล้านต้องถึงครอบครัว
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการเดินทางเข้าเยี่ยมศูนย์พักพิงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงการจัดการศพของประชาชนชาวมุสลิม นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องเร่งดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์และคืนร่างให้กับครอบครัว ตอนนี้รับรายงานว่ามีจำนวนศพ 100 เศษ มีทีมนิติเวชอยู่ในพื้นที่แล้วกว่า 20 คน และเตรียมพร้อมสนับสนุนเพิ่มอีก 40 คน
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าทำความเข้าใจกับประชาชนที่มาโวยวายในการลงพื้นที่ครั้งนี้อย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เราต้องรับฟังไว้ เป็นใครก็โกรธ เป็นความเครียดที่เกิดขึ้น เราต้องยอมรับให้เขาระบายมา และนำข้อมูลของเขามาแก้ไขให้เป็นประโยชน์ พร้อมย้ำว่าได้ขอโทษไปแล้ว เป็นรัฐบาลไม่ว่าจะอย่างไร รัฐบาลให้ประชาชนมาอยู่ตรงนี้มันก็เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ต้องไม่ให้มีอะไรผิดมากกว่านี้

...

จากนั้นนายอนุทิน ได้สอบถามว่า อาหารเพียงพอหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่รายงานว่าอาหารเพียงพอ และประชาชนบางส่วนได้เดินทางกลับบ้านไปบ้างแล้ว นายอนุทิน จึงบอกว่าเดี๋ยวต้องจ่ายไฟไปให้ชาวบ้าน ก่อนจะเดินดูภายในศูนย์อพยพ พร้อมบอกว่าหากไม่ได้ที่นี่แย่เลย โดยในช่วงหนึ่งมีผู้ประสบภัยเดินเข้ามาหาพร้อมยกมือไหว้ ซึ่งนายอนุทินได้ถามความเป็นอยู่ ผู้ประสบภัยบอกว่าอยู่คนเดียว ญาติพี่น้องไม่มี นายอนุทินจึงบอกว่าอยู่ที่นี่ก่อน จากนั้นผู้ประสบภัยก็ร้องไห้พร้อมสวมกอดไปที่เอว นายอนุทินกอดปลอบแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ประสบภัย แต่นายอนุทินขอไม่ให้สัมภาษณ์ และบอกผู้ประสบภัยว่าให้อยู่ที่นี่ก่อน
ต่อมามีหญิงรายหนึ่งมาบอกกับนายกรัฐมนตรีว่า หารถกลับบ้านที่เกาะหมี โดยนายกรัฐมนตรีเอ่ยปากว่าให้กลับไปพร้อมกับตนรวมทั้งสัมภาระที่ติดตัวมาด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่จะขอนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการเรื่องนี้ แต่นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะให้หญิงรายดังกล่าวไปด้วยกัน เนื่องจากเป็นทางที่ต้องผ่านอยู่แล้ว และให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วยถือสัมภาระ พร้อมระบุว่าจะไปเกาะหมีเพื่อดูสภาพความเสียหายของพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้ว
สำหรับการประเมินด้านการสาธารณสุข นายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีการตั้งโรงพยาบาลสนาม 7 แห่งเพื่อรับมือแล้ว ขณะที่การแก้ไขปัญหาระยะยาวเนื่องจากโรงพยาบาลใหญ่หลายแห่งเสียหายหนักนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกโรงพยาบาลมีกองช่างและวิศวกรที่คอยดูแลอยู่แล้ว ส่วนเรื่องโรคหลังน้ำท่วม กระทรวงสาธารณสุขจะมีแผนการรับมืออยู่แล้ว


เมื่อถามต่อไปว่าการมาวันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี เผยว่า รู้สึกเครียดที่เห็นประชาชนลำบากแบบนี้ ทุกข์ไม่น้อยกว่าท่านแน่นอน และต้องเร่งคืนความสะดวกสบายให้กับประชาชนมากที่สุด พร้อมย้ำว่าสัปดาห์หน้าเงินเยียวยาจะต้องถึงมือผู้ประสบภัย เงินช่วยเหลือศพละ 2 ล้านบาทต้องถึงครอบครัว และนโยบายพักหนี้ก็ต้องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วที่สุด จากนั้นนายกรัฐมนตรีขึ้นรถทหารเพื่อเดินทางไปยังเกาะหมี โดยในเวลา 17.00 น. ขบวนรถทหารของนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงเกาะหมี และส่งหญิงรายดังกล่าวถึงที่หมายปลอดภัย
ทั้งนี้ ในระหว่างที่นายอนุทิน พร้อมคณะขึ้นรถทหารจากเดินทางจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ไปยังศูนย์พักพิงในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปรากฏว่ามีชาวบ้าน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่ท้ายรถ ก่อนตะโกนพร้อมชี้ไปนายกรัฐมนตรีและต่อว่าด้วยประโยคว่า “นายกฯ อย่านั่งรถสิ นายกฯ เดินดูเลย ถ้านายกฯ ลงมาเดินดูจะเยี่ยมแบบนี้เลย” พร้อมยกนิ้วโป้งแล้วกล่าวอีกว่า “เอาลูกนักเลงมาเลย คนลำบาก นายกฯ นั่งรถ ชาวบ้านด่าเพราะนายกฯ นั่งรถ ให้ลงเดินเลยเชื่อผม เพราะถ้าเป็นผม ผมลงเดินเลย” ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะตอบว่า “โอเค” ชาวบ้านพูดต่ออีกว่า “นายกฯ กลัวอะไรมีอำนาจอยู่แล้ว ใครมาว่าจับเลย” ก่อนจะขี่รถออกไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีว่า ชาวบ้านมาต่อว่าได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านรายดังกล่าวอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี ตอบว่า เราต้องฟังเขา เป็นใครก็โกรธ เราต้องน้อมรับ เพราะเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์แบบนี้ ก็ต้องยอมรับให้เขาระบาย และก็ขอโทษเขา และยังต้องนำข้อมูลของเสียงสะท้อนนั้น มาจัดการแก้ไขให้เป็นประโยชน์ หากเขามาบอกให้เข้าไปดูตรงจุดไหนเราก็ต้องเข้าไปดู ผู้สื่อข่าวย้ำถามว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเครียดจากสถานการณ์ นายกรัฐมนตรี ตอบกลับทันทีว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ทุกคนมีความเครียด และเราเป็นรัฐบาล เราก็ต้องขอโทษที่ทำให้พวกเขาต้องจากที่อยู่อาศัยมาอยู่แบบนี้ ไม่ว่าอะไรก็ตามก็ต้องยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาด แต่เราต้องไม่ทำให้มีอะไรผิดซ้ำซ้อน หรือผิดไปมากกว่านี้ และต้องเร่งฟื้นฟู และคืนสภาพชีวิตปกติให้ชาวบ้านโดยเร็วที่สุด ซึ่งตรงนี้รัฐบาลกำลังเร่งทำอยู่

