“ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” ย้ำนโยบายประกันกำไร 30% ชูพักหนี้เกษตรกร 3 ปี 5 แสน ปราศรัยเวทีแรก อ้อนสุพรรณบุรีเปลี่ยนได้ ด้าน “จุลพันธ์” บอกสีแดงยังแรงเอาชีวิตที่ดีคืนประชาชน
วันที่ 21 ธ.ค. 2568 เมื่อเวลา 10.40 น. ที่ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และว่าที่ผู้สมัคร สส. สุพรรณบุรี ได้แก่ นายประยูร อินสกุล ว่าที่ผู้สมัคร สส. สุพรรณบุรี เขต 1 นายชัยพร สีถัน ว่าที่ผู้สมัคร สส. สุพรรณบุรี เขต 2 น.ส.กุลธิดา เหมาเพชร ว่าที่ผู้สมัคร สส. สุพรรณบุรี เขต 3 ลงพื้นที่พูดคุยและรับฟังปัญหาเรื่องสินค้าการเกษตร และการบริหารจัดการ โดยได้นั่งล้อมวงพูดคุยกับตัวแทนชาวบ้าน และเกษตรกร โดยนายยศชนัน กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านน้ำท่วม ภัยแล้ง การคมนาคม ว่าที่ผู้สมัคร สส. ได้บอกประเด็นมาให้ตนรับทราบแล้ว เพื่อนำไปจัดทำนโยบายแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยเรื่องพันธุ์ข้าว ปุ๋ย เราจะนำวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย รวมถึงระบบเตือนภัยเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย และเรามีนโยบาย ประกันกำไรสินค้าการเกษตร 30% เพื่อที่จะสามารถทำให้พวกเรายืนอยู่ได้ด้วยขาของตัวเอง ทั้งนี้ ในส่วนของราคาการเกษตรต้องมีการควบคุม ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลจากทางกระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เราเริ่มไว้แล้ว และพร้อมทำทันทีเมื่อเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลครั้งต่อไป
ขณะที่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นโยบายด้านการเกษตรที่พรรคเพื่อไทยเตรียมจะเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คือนโยบายประกันกำไรสินค้าการเกษตร 30% พร้อมทั้งจะแจกคูปอง 2 ใบให้เกษตรกรคือ คูปองเพื่อซื้อปุ๋ย 250 กิโลกรัมต่อคน และ คูปองเมล็ดพันธุ์ ให้รับเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแรงจากรัฐ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายพักหนี้ให้เกษตรกร 5 แสนบาทใน 3 ปี โดยไม่ต้องชำระทั้งต้นและดอก เชื่อว่าจะเป็นความหวังให้ประชาชน ทั้งนี้ เพื่อไทยไม่เคยทิ้งเกษตรกร เพราะฐานเสียงเรามาจากเกษตรกร ย้ำว่านโยบายประกันกำไร 30 เปอร์เซ็นต์ จะนำไปใช้กับสินค้าเกษตรทุกประเภท
...

“ยศชนัน” ปราศรัยเวทีแรก อ้อนสุพรรณบุรีเปลี่ยนได้
ต่อมาเวลา 11.50 น. ที่ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์ท่าทราย นายยศชนัน พร้อมคณะเดินทางพบประชาชนที่มารับฟังการปราศรัยเต็มศาลา โดยนายยศชนัน ปราศรัยว่า “ขอเสียงพี่น้องชาวสุพรรณบุรีหน่อย ใครว่ายศชนันพูดเสียงดังไม่ดัง นายจุลพันธ์ บอกว่ารอบนี้หาเสียงปราศรัยไม่ใช่มาบรรยาย กลัวพี่น้องจะหลับ วันนี้เป็นเวทีแรกจริงๆ ที่ผมได้มาพบพี่น้องทุกท่าน สิ่งที่อยากจะบอกกับพี่น้อง เหตุที่เรามาสุพรรณบุรีก่อนเพราะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ เป็นจังหวัดเก่าแก่ที่อยากให้ประชาชนเห็นว่าถ้าสุพรรณบุรีเปลี่ยนได้ประเทศไทยเปลี่ยนได้แน่นอน เวลาไปต่างประเทศคนพูดถึงประเทศไทยในแง่ดีว่าเราเป็นคนไทยหัวใจประเทศไทย ในการแสดงวิสัยทัศน์ ผมพูดถึงเกษตรกรก่อน เกษตรกรเดินไปข้างหน้าได้เลยผมและนายจุลพันธ์ จะบังหลังให้ไม่มีการแทงข้างหลังแน่นอน และตนจะไปทำงานกับทีมหลังบ้าน พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ พัฒนาเครื่องจักรทางการเกษตรเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้นซึ่งตรงนี้ตนกระทำโดยที่น้องไม่ต้องช่วย สำหรับเรื่องราคาสินค้าการเกษตรเราจะพยายามดันราคาข้าวไปถึง 10,000 บาท ข้าวหอมมะลิจะดันให้ถึง 15,000 บาท นี่คือเป้าที่วางไว้ แต่เมื่อต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สูงขึ้น เราจึงคิดกันว่าจะประกันกำไร 30% ให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง รวมถึงจะมีการจัดการเรื่องการแปรรูปส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเอาพลังจากภาครัฐมาให้ท้องถิ่นตามหลักการคืนอำนาจให้ประชาชน
ขอได้ยกจังหวัด
นายยศชนัน ปราศรัยอีกว่า ประเทศเคยเจอปัญหาวิกฤติในปี 2540 การแก้ไขปัญหาสามารถทำได้ วันนั้นมีพรรคการเมืองหนึ่งเกิดขึ้นมาและช่วยปลดหนี้ซึ่งก็คือสมัยพรรคไทยรักไทย วันนี้เรามีคนของพรรคไทยกลับมาช่วยหลายคน องค์ความรู้ไม่เสียเปล่า ในปี 2568 มีปัญหาเยอะ มีการเปลี่ยนแปลง ในเรื่องต่างๆ เช่น สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป จึงต้องใช้ผู้มีประสบการณ์และตอนนี้ทุกคนมารวมกันอยู่ในพรรคเพื่อไทย เราจะทำให้ประชาชนชาวไทยโดยเฉพาะจังหวัดสุพรรณบุรีลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งจังหวัด

บอกสีแดงยังแรง เอาชีวิตที่ดีคืนประชาชน
ขณะที่ นายจุลพันธ์ ปราศรัยว่า วันนี้เราไม่ได้มาแค่แคนดิเดตฯ แต่เรามากับนโยบาย พักหนี้เกษตรกร รายละไม่เกิน 500,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งดำเนินการตั้งแต่สมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน จนถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ รวมถึงนโยบายการแจกคูปอง 2 ใบ แลกปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ วันนี้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งมีไม่กี่สีที่จะเลือก แต่สีแดงยังแรงเสมอ ฝากให้เข้าคูหาเลือกเพื่อไทยทั้งคนและพรรคเอานโยบายคืนกลับไป เอาชีวิตดี ๆ คืนให้กับทุกคน
จากนั้นนายยศชนัน ได้เดินทักทายประชาชนและถ่ายภาพกับคนที่มารับฟังการปราศรัยอย่างเป็นกันเอง
