“บวรศักดิ์” เผย ครม.นัดพิเศษ เคาะคำถามประชามติรัฐธรรมนูญ คาดใช้ของ ครม. เพราะไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แจงเหตุส่งของรัฐสภาประกบ บอก หากเลือกคำถามของภูมิใจไทยตั้งแต่แรกก็ไร้ปัญหา
วันที่ 18 ธันวาคม 2568 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ซึ่งมีวาระพิจารณาให้ ครม. เห็นชอบการเลือกส่งคำถามประชามติ ระหว่างคำถามของรัฐสภาและคำถามของ ครม. ภายหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีกลับให้เลือกเพียงคำถามเดียว ว่า สาเหตุคือเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ครม. ได้ส่งคำถามไปให้ กกต. 2 คำถาม เนื่องจากมีการอภิปรายในที่ประชุม ครม. ซึ่งในส่วนของ ครม. เคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ จึงต้องรักษาสัจจะและตั้งคำถามที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประชามติ
แต่คำถามที่รัฐสภาส่งมาไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพราะฉะนั้นเมื่อ กกต. ต้องการให้ ครม. เลือกเพียงคำถามเดียว ก็ต้องเลือกคำถามของ ครม. จึงไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติที่ ครม. เลือกแบบนี้ แต่ที่ส่งคำถามของรัฐสภาไปตอนแรกก็เพื่อให้เกียรติว่าเราเคารพมติของรัฐสภา ไม่ส่งไม่ได้ แต่ถ้าส่งคำถามของรัฐสภาเป็นคำถามเดียวแล้ว กกต. บอกว่าทำไม่ได้ จะเป็นเรื่องใหญ่ จึงเป็นเหตุให้ ครม. ต้องส่งคำถามประกบ
ส่วนที่มีนักวิชาการมาติงว่าไม่สามารถทำประชามติพร้อมกับวันเลือกตั้งได้ เนื่องจากระยะเวลาไม่ถึง 60 วันนั้น นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า คนที่พูดก็ไม่ใช่นักกฎหมาย คงจะอ่านกฎหมายประชามติ มาตรา 11 วรรค 3 ตอนท้ายข้ามไป หากมีเหตุจำเป็นเรื่องงบประมาณและเหตุผลอื่น ครม. สามารถกำหนดวันประชามติให้เร็วกว่านั้นได้ เพราะหากจัดการเลือกตั้งแยกกับการทำประชามติ จะเสียงบประมาณเพิ่ม 4,000 กว่าล้าน และประชาชนก็ต้องใช้สิทธิ์ 2 ครั้ง หากไม่ไปครั้งใดครั้งหนึ่งก็จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง รวมถึง กกต. ก็ต้องเสียบุคลากรไปจัดงานทั้ง 2 ครั้ง จึงไม่ใช่เหตุที่ไปทำความวุ่นวาย
...
นายบวรศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า หาก ครม. เห็นชอบคำถามประชามติของ ครม. ก็จะต้องส่งเรื่องไปให้ กกต. และ กกต. ต้องออกประกาศเกี่ยวกับการทำประชามติภายใน 15 วัน หรือวันที่ 2 มกราคม 2569 เพื่อให้สามารถทำประชามติพร้อมกับวันเลือกตั้ง ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569

เมื่อถามต่อไป ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยแย้งว่าการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญต้องใช้คำถามจากรัฐสภา นายบวรศักดิ์ ระบุว่า กฤษฎีกาไม่เคยแย้งอย่างนั้น เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกากับตนเห็นตรงกันว่าต้องส่ง 2 คำถาม เพราะหากส่งคำถามของ ครม. เพียงคำถามเดียว ก็จะหาว่า ครม. ไม่ให้ความสำคัญกับรัฐสภา เพราะ ครม. รู้อยู่แล้วว่าหากส่งคำถามของรัฐสภาไปก็จะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประชามติ
ผู้สื่อข่าวขอให้ขยายความได้หรือไม่ว่าทำไมคำถามของรัฐสภาถึงขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและกฎหมายประชามติ นายบวรศักดิ์ เผยว่า คำถามของรัฐสภาเป็นคำถามของ นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ว่า “เห็นด้วยหรือไม่กับการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญใช้คำว่า “เห็นชอบว่าสมควรจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” และตามกฎหมายประชามติ มาตรา 11 และมาตรา 16 ก็ใช้คำว่า เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
“แต่ก็น่าเห็นใจรัฐสภา ไปโทษรัฐสภาก็ไม่ได้ เพราะวันนั้นพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และอภิปรายก็ถึงดึก เมื่อญัตติเกี่ยวกับคำถามประชามติเสนอขึ้นมาก็เลยเลือกคำถามของนายชูศักดิ์วันนั้น ถ้าเลือกคำถามของพรรคภูมิใจไทยที่เสนอโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลย และ ครม. ก็ไม่ต้องส่งคำถามไปประกบ เพราะคำถามที่นายกฯ เซ็นไป คือใช้คำว่าเห็นชอบให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่”
นอกจากนี้ คำถามของรัฐสภายังมีปัญหา เมื่อไปดูกฎหมายประชามติมาตรา 11 วรรคหนึ่ง บอกว่าให้ประธานรัฐสภาส่งคำถามของแต่ละสภา แปลว่าอาจจะต้องมีการประชุมแยกกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และคำถามที่รัฐสภาส่งมาไม่ใช่คำถามของแต่ละสภา ซึ่งก่อนหน้านี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยอภิปรายในสภาฯ ว่า คำถามของรัฐสภาจะมีปัญหา เพราะต้องเป็นคำถามของแต่ละสภาฯ เมื่อมีปัญหาหลายเรื่อง ทั้งตัวคำถามและตัวมติ แต่ที่ส่งคำถามไปก็เพื่อให้เกียรติรัฐสภา ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ก็มีความเห็นตามแนวทางของตนด้วย
นายบวรศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่าในการประชุม ครม.วันนี้ก็จะเร็วมาก ไม่นานก็เสร็จ และจะเลือกคำถามของ ครม. ส่วน ครม. จะเห็นชอบตามที่ตนพูดมาหรือไม่ก็ไม่ทราบ ตนไม่บังอาจ เพราะยังไม่ประชุม.