ครม. เห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งกองทุนภูมิอากาศ-ภาษีคาร์บอน-ระบบซื้อขายสิทธิปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่เป้าหมาย “คาร์บอนเป็นศูนย์ปี 2608” คุ้มครองโลกและคนไทยไปพร้อมกัน


วันที่ 2 ธันวาคม 2568 นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ เพื่อยกระดับระเบียบฯ ปี 2550 ขึ้นเป็นกฎหมายแม่บทด้าน Climate (ภูมิอากาศ) ของประเทศ รองรับพันธกรณี UNFCCC และเป้าหมาย “คาร์บอนเป็นกลางปี 2593-สุทธิเป็นศูนย์ปี 2608” 

รองโฆษกรัฐบาล ระบุว่า ร่างกฎหมางกฎหมายฉบับนี้เป็นกรอบใหญ่ในการจัดการก๊าซเรือนกระจกของไทยทั้งระบบ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ให้ตั้ง 4 คณะกรรมการหลัก นำโดย “คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ” ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และท่าทีของไทยในเวทีระหว่างประเทศ 

  • จัดตั้ง “กองทุนภูมิอากาศ” เป็นนิติบุคคลของรัฐ ใช้รายได้จากเครื่องมือด้านคาร์บอนต่างๆ มาหนุนการลงทุนและการปรับตัวของภาคส่วนต่างๆ
  • จัดทำฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจก–แผนการปรับตัวระดับชาติ ให้ทุกหน่วยงานรัฐเดินตามเป้าหมายเดียวกัน
  • วางระบบ “ซื้อขายสิทธิปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS)” และกลไก “ปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM)” พร้อมกำหนดให้คาร์บอนเครดิตเป็นทรัพย์สินที่ซื้อขายและโอนได้
  • กำหนด “ภาษีคาร์บอน” สำหรับสินค้าบางประเภท ให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรเป็นผู้จัดเก็บ โดยต้องออกกฎหมายลำดับรองกำหนดอัตราและวิธีการให้สอดคล้องกับวินัยการเงินการคลัง
  • วางมาตรฐานกลางในการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็น “Taxonomy” อ้างอิงสำหรับนโยบาย การลงทุน และการจัดสรรเงินทุนสีเขียว
  • จัดตั้ง “กองทุนภูมิอากาศ” เป็นนิติบุคคลของรัฐ ใช้รายได้จากเครื่องมือด้านคาร์บอนต่างๆ มาหนุนการลงทุนและการปรับตัวของภาคส่วนต่างๆ
  • จัดทำฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจก–แผนการปรับตัวระดับชาติ ให้ทุกหน่วยงานรัฐเดินตามเป้าหมายเดียวกัน
  • วางระบบ “ซื้อขายสิทธิปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS)” และกลไก “ปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM)” พร้อมกำหนดให้คาร์บอนเครดิตเป็นทรัพย์สินที่ซื้อขายและโอนได้
  • กำหนด “ภาษีคาร์บอน” สำหรับสินค้าบางประเภท ให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรเป็นผู้จัดเก็บ โดยต้องออกกฎหมายลำดับรองกำหนดอัตราและวิธีการให้สอดคล้องกับวินัยการเงินการคลัง
  • วางมาตรฐานกลางในการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็น “Taxonomy” อ้างอิงสำหรับนโยบาย การลงทุน และการจัดสรรเงินทุนสีเขียว
  • ...

    นอกจากนี้ ยังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับบทลงโทษ กรณีไม่รายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือรายงานเท็จ เพื่อให้มาตรการด้านคาร์บอนมีผลบังคับใช้จริง และสร้างแรงจูงใจให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามกฎหมาย

    อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเร่งจัดทำกฎหมายลำดับรองและหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องภาษีคาร์บอน ระบบ ETS และ CBAM อย่างรอบคอบ โดยย้ำว่ารัฐบาลต้องการคุ้มครองโลก-คุ้มครองคนไทยไปพร้อมกัน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ความสามารถแข่งขันของผู้ประกอบการ และภาระค่าครองชีพของประชาชน.