“สุวัจน์” ประเมินการเมืองเข้าสู่ยุค 3 ขั้วพรรคใหญ่ พรรคเล็กยิ่งเสียเปรียบ ลั่นคำ “พรรคชาติพัฒนา” ขอเว้นวรรค ไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้ง 2569 เปิดทางอดีต สส.ย้ายสังกัดตามดุลยพินิจ


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ธันวาคม 2568 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เป็นประธานการประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) อาทิ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรค, นายอรัญ พันธุมจินดา อดีต สส.บัญชีรายชื่อ, นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา อดีต สส.ปราจีนบุรี พรรคชาติพัฒนา และนางเยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรค เข้าร่วมประชุม เพื่อวิเคราะห์และสรุปสถานการณ์การเมือง ที่บ้านเลขที่ 333 ถนนราชวิถี แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ

ต่อมาเวลา 15.20 น. นายสุวัจน์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมหารือถึงสถานการณ์การเมืองหลังยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยมีข้อสรุปว่า

1. ขณะนี้สถานการณ์การเมืองเข้มข้น ที่ผ่านมาตนอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่ปี 2531 ผ่านการเลือกตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งเป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ แต่รอบนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่ต่อสู้ระหว่าง 3 พรรคการเมืองใหญ่ จึงประเมินว่ารอบนี้ดุเดือด เข้มข้น แข่งขันสูง มี สส. ย้ายพรรคมาก สะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริงว่า เป็นการเลือกตั้งแบบการเมือง 3 ขั้วเพื่อชิงอำนาจรัฐ

2. ในระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญทำให้พรรคเล็กเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น

3. เป็นการยุบสภาฯ แบบกะทันหัน ทำให้กระบวนการเตรียมความพร้อมไพรมารี่โหวตเป็นไปแบบมีขีดเวลาจำกัด

4. สถานการณ์ปัจจัยภายนอกประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และการเมืองเข้มแข็งเพียงพอสร้างความเชื่อมั่นที่ดีต่อระบบการเมือง รัฐบาลใหม่ การเมืองจะเข้มแข็ง มีคุณภาพ ระบบพรรคใหญ่เข้มแข็งยิ่งขึ้น

...

“ดังนั้น พรรคชาติพัฒนาจะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในครั้งนี้ เทอมนี้เราขอบายก่อน แต่พรรคยังตั้งอยู่ ส่วนอดีต สส. และแกนนำพรรคนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจที่จะตัดสินใจ”

เมื่อถามถึงการตัดสินใจส่วนตัวของนายสุวัจน์ จะเอาอย่างไร นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนยังเป็นประธานพรรค ช่วยการเมืองท้องถิ่นที่ จ.นครราชสีมา และจะอยู่กับพรรคตามที่ พล.อ.ชาติชาญ ชุณหะวัณ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาสั่งไว้ และพร้อมจะดูแลน้องๆ ผู้สื่อข่าวถามต่อ มีกระแสข่าวว่าจะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสุวัจน์ ตอบว่า ไม่เป็นมติพรรค แต่ให้เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนที่ตัดสินใจ เช่น นายประสาท ตันประเสริฐ อดีต สส.นครสวรรค์ ได้ตัดสินใจไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ เชื่อว่าคนของพรรคมีคุณภาพ ทั้งใน จ.นครราชสีมา และ จ.ปราจีนบุรี ตนมั่นใจในความสามารถและการได้รับความยอมรับต่อจากประชาชนในพื้นที่

ส่วนคำถามมองว่าระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย พรรคไหนมีภาษีดีกว่ากัน นายสุวัจน์ ระบุว่า เป็นครั้งแรกที่ 3 พรรคใหญ่หายใจรดต้นคอ คงสูสีกันหมด ตนประเมินว่าทั้ง 3 พรรคอยู่ในระดับร้อยเสียง แย่งชิงเป็นรัฐบาล มีการจัดรัฐบาลที่มีเสถียรภาพเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน

ทางด้าน นายเทวัญ กล่าวว่า ตนและอดีต สส.พรรค จะขอหารืออีกครั้งว่าพรรคไหนต้องไปเป็นกลุ่มก้อน อย่างไรก็ดี ในส่วนของตนแม้ไม่ได้เป็น สส. แต่ยังทำงานในพื้นที่มาหลายปี และทุกคนพร้อมจะลงสมัคร ขณะที่นายวุฒิพงศ์ หรือ สส.แจ้ ระบุ ตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปสังกัดพรรคใด แม้จะมีข่าวว่าพรรคกล้าธรรมจะติดต่อมา เพราะคิดว่าเมื่อยามตนลำบากพรรคชาติพัฒนาให้โอกาสตน ดังนั้น เมื่อพรรคไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง การย้ายไปสังกัดพรรคใดต้องรอหารือและพร้อมไปด้วยกัน.