ศาลอนุญาตฝากขัง “นานา ไรบีนา” ตำรวจค้านประกันตัว เนื่องจากมูลค่าความเสียหายในคดีสูง หวั่นหลบหนี


วันที่ 4 ธ.ค. 68 ที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวน กก. 4 บก.ปอศ. นำตัว นางไรบีนา อินทชัย หรือ นานา ไรบีนา อดีตดีเจชื่อดัง ผู้ต้องหาฐานกระทำผิด “ฉ้อโกงทรัพย์ กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” มาฝากขังครั้งแรก

พฤติการณ์แห่งคดี คือ เมื่อประมาณ ต.ค. 65 ต่อเนื่องกันไป นางไรบีนา ผู้ต้องหาได้มาชักชวน นายเอ (นามสมมติ) ผู้กล่าวหากับพวกและพยานรวม 10 ราย ร่วมลงทุนในธุรกิจนำเงินไปปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลร่วมกับนางตาว (นามสมมติ) ให้ผลตอบแทน 4-7% ต่อเดือน มีตัวอย่างผู้มาขอกู้ยืมเงินจากนางไรบีนาแสดงให้ผู้กล่าวหาดู เช่น คุณบี 5 ล้าน มีระยะเวลาในการจ่าย ผลตอบแทน 14 ธ.ค. 200,000 บาท, 14 ม.ค. 200,000 บาท, 14 ก.พ. 200,000 บาท, 14 มี.ค. 200,000 บาท เป็นต้น

โดยนางไรบีนา ได้เสนอแผนการลงทุนพร้อมผลตอบแทนในลักษณะดังกล่าวมายังผู้กล่าวหาจำนวนหลายครั้งปรากฏตามเอกสารที่ผู้กล่าวหามอบให้พนักงานสอบสวน จึงเชื่อว่ามีการทำธุรกิจจริงจึงตัดสินใจร่วมลงทุน โอนเงินไปลงทุนกันผ่านบัญชี ซึ่งปรากฏชื่อผู้ต้องหาเป็นผู้เปิดบัญชี จำนวน 4 บัญชี โดยผู้กล่าวหาได้ลงทุนไปในช่วงแรกของการลงทุนผู้กล่าวหาได้รับผลตอบแทนตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างจริง จึงได้ลงทุนเพิ่มตามแผนการลงทุนที่นางไรบีนา ได้เสนอมาให้ผู้กล่าวหาแต่ละครั้ง

ต่อมาเมื่อประมาณเดือน ม.ค. - ก.พ. 68 ผู้ต้องหาได้หยุดจ่ายผลตอบแทนพร้อมเงินต้น ผู้กล่าวหาจึงได้ทวงถามนางไรบีนา แจ้งว่าตนเองโดนหน่วยงานของรัฐอายัดบัญชีธนาคาร ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินผลตอบแทนและเงินลงทุนให้ได้ จึงได้สอบถามว่าจะได้เงินผลตอบแทนตามกำหนดเมื่อไรเพราะล่วงเลยมาพอสมควรแล้ว ก็ไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัด เพียงแต่บอกว่าประมาณเดือน ต.ค.68 จะได้เงินคืนทั้งหมด และได้มีการออกเช็คธนาคารให้กับผู้กล่าวหากับพวก ปรากฏตามเอกสารที่ได้มอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อชำระเงินต้นและผลตอบแทน ซึ่งเช็คบางฉบับผู้กล่าวหาได้นำไปเรียกเก็บกับธนาคาร ซึ่งธนาคารปฏิเสธการจ่าย โดยให้เหตุผลว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย

...

และต่อมาเมื่อประมาณเดือน ก.ย.68 นางไรบีนาได้ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้มีการนำเงินของผู้กล่าวหาไปลงทุนในธุรกิจจริง แต่คนที่กล่าวอ้างถึงนั้นมีตัวตนอยู่จริงแต่ไม่ได้มีการนำเงินผู้กล่าวหาและบุคคลรายอื่นไปลงทุน ซึ่งแต่ละรายถูกหลอกลวงเช่นเดียวกับผู้กล่าวหาและได้นำเงินของผู้กล่าวหาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน จึงขอเงินลงทุนคืน ภายหลังทราบว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีการทำธุรกิจตามที่กล่าวอ้างจริง และมีบุคคลอื่นที่ถูกหลอกลวงเช่นเดียวกับผู้กล่าวหาเป็นจำนวนหลายสิบราย จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงแน่แล้วจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์รวมความเสียหาย จำนวนเงิน 152,907,577 บาท

และจากการสอบสวนได้มีการหลอกลวงผู้กล่าวหาและพยานอีกจำนวนหลายรายในการปกปิดข้อเท็จจริงอันควรบอกให้แจ้งโดยมีพฤติการณ์ในการหลอกลวงเพื่อให้ได้ซึ่งทรัพย์สิน เช่น นำเงินไปลงทุนธุรกิจบริษัทเกี่ยวกับกีฬา (บาสเกตบอล) โดยไม่มีการทำธุรกิจจริง และจะให้ผลตอบแทน 40 เปอร์เซ็นต์, หลอกลวงขายหุ้นบริษัท เนเวอร์เซคัทซ์ จำกัด ซึ่งหุ้นดังกล่าว ไม่ใช่หุ้นของนางไรบีนา อ้างว่านำเงินไปลงทุนหุ้นกับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญและจะนำผลตอบแทนมาให้ปลอมแปลงเอกสารหลักฐานการโอนเงินเพื่อให้ผู้กล่าวหาหลงเชื่อว่ามีการนำเงินไปลงทุนในธุรกิจสินเชื่อ, หลอกลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากพยานหลักฐานดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางไรบีนา ได้กระทำความผิดพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนางไรบีนา ที่บ้านพัก ย่านคลองตันเหนือ ในชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบเพิ่มเติมว่า “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ร่วมกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ปลอมและใช้เอกสารปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “ร่วมฉ้อโกงทรัพย์ ร่วมกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ปลอมและใช้เอกสารปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” อันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,264,268,341,พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3,4,5,7,12 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2534 มาตรา 3 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

พนักงานสอบสวนยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง, รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขอฝากขังผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวนเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 – 15 ธ.ค.68

พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากมูลค่าความเสียหายในคดีสูงและคดีอยู่ในความสนใจของประชาชนเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง, มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์เพิ่มเติม ประกอบกับมีผู้เสียหายมายื่นขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวเพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย

ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้.