การยกระดับประสิทธิภาพของกระบะมะกัน Ford Ranger Super Dutyอร์ด (เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้) คือกลไกทางการตลาดที่เข้ามาเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ารถปิคอัพ รวมไปถึงการเสริมไลน์อัพของ Ranger ให้มีความหลากหลายและครอบคลุมมากกว่าเดิม การขยายขอบเขตการใช้งานให้กว้างขึ้น รองรับงานหนักได้ดีกว่า ช่วงล่างปรับใหม่ดูเหมือนจะแข็งแต่ไม่ใช่และตอบสนองได้ดีกว่าเดิม Ford ยืนยันแล้วว่ารถกระบะขนาดกลางรุ่นนี้ จะเป็นรุ่นที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดสำหรับงานหนักทุกชนิด โดยเฉพาะศักยภาพของแรงบิดในการลากจูงเทรลเลอร์หนัก 4.5 ตัน กลายเป็นกระบะไซล์กลางรุ่นเดียวในไทยที่สามารถลากของได้หนักขนาดนั้น


...


คุณสมบัติของ Ford Ranger Super Duty:
เครื่องยนต์ ดีเซล V6 3.0L Turbo ปรับจูนพิเศษและระบบระบายความร้อนใหม่. สมรรถนะ:รองรับน้ำหนักรวมบรรทุก (GVM) สูงสุด 4.5 ตัน.
รองรับน้ำหนักลากจูงสูงสุด 4.5 ตัน
รองรับน้ำหนักรวมลากจูง (GCM) สูงสุด 8 ตัน
โครงสร้าง: แชสซีส์ใหม่ทั้งหมด, น็อตล้อ 8 ตัว เพื่อความแข็งแกร่ง
ระบบขับเคลื่อน: 4A-4WD พร้อม Transfer Case 2-Speed และระบบล็อกเฟืองหน้า-หลัง
ฟังก์ชันเสริม: ระบบช่วยควบคุมการลากจูง (Pro-Trailer Backup Assist), โหมดขับขี่ 6 รูปแบบ, ยาง All-Terrain 33 นิ้ว.
โป่งซุ้มล้อ
ถังน้ำมันความจุ 130 ลิตร
Differential Lock ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
เสริมความแข็งแกร่งของแชสซี รองรับน้ำหนักลากจูงที่มากขึ้น
ปีกนกความหนากว่าเดิม มีความแข็งแรงและออกแบบมาเพื่อบรรทุกหนัก
จุดยึดสปริงและปีกนกล่างปรับให้ยกสูง เพื่อป้องกันการกระแทกเมื่อใช้งานออฟโรด
เพลาขับหน้า และหลังที่พัฒนาใหม่ให้แข็งแรงขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักได้มากขึ้น
เฟืองท้ายแบบใหม่ ซึ่งเป็นเฟืองท้ายที่ใหญ่และแข็งแรงที่สุดที่เคยติดตั้งในฟอร์ด เรนเจอร์ ตั้งแต่เคยผลิตมา
เพิ่มความสามารถด้านออฟโรด
ฟังก์ชันประเมินน้ำหนักบรรทุกบนกระบะหลังของรถ
ล้อเหล็ก Heavy Duty น็อต 8 ตัว ขนาด 18 x 8.5 นิ้ว
ยางออลเทอร์เรน General Grabber ขนาด 33 นิ้ว LT275/70R18
ระบบเบรคอัพเกรดเพิ่มเติม เพิ่มขนาดจานเบรค
ภายในตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ ‘SUPER DUTY’ ที่แผงคอนโซลหน้า
ระบบ Integrated Device Mounting System (IDMS) ติดตั้งมาจากโรงงาน
ระบบล็อกเฟืองท้ายหน้าและหลังแบบไฟฟ้า
ระยะความสูงจากพื้น 299 มม. และความกว้างฐานล้อ 1,710 มม. (เท่า Raptor)


...

โหมดการขับขี่ 7 โหมด
โหมดปกติ
โหมดประหยัด
โหมดลากจูง
โหมดถนนลื่น
โหมดโคลน
โหมดทราย
โหมดหิน
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเพื่อการขับขี่ออฟโรด (Trail Control) และระบบช่วยเลี้ยวบนเส้นทางออฟโรด (Trail Turn Assist)
แผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถแบบ Heavy Duty ปกป้องบริเวณเฟืองหน้า เกียร์ และชุดส่งกำลัง ด้วยวัสดุเหล็กหนา 3.6 มม. โดยแผ่นกันกระแทกบริเวณถังน้ำมันมีความหนัก 130 กก. และออกแบบมาให้เป็นชิ้นเดียวกับโครงสร้าง ช่วยรองรับการเคลื่อนผ่านสิ่งกีดขวางได้
ถังน้ำมันขนาด 130 ลิตร พร้อมแผ่นกันกระแทกเหล็ก
ความสามารถลุยน้ำลึกสูงสุด 850 มม.

...

ตัวถัง: มีให้เลือกทั้ง Single Cab, Super Cab และ Double Cab
การผลิต: ผลิตที่โรงงาน Ford AAT จังหวัดระยอง เพื่อจำหน่ายทั่วโลก.

ช่วงล่างปรับใหม่เพื่อรองรับการลุยที่อาจเพิ่มมากขึ้นเมื่อลูกค้าขับเข้าป่าแบบจัดหนัก Ford Ranger Super Duty ยังคงมีนุ่มนวลในการเดินทาง เป็นรถออฟโรดเพื่อการพักผ่อนในวันหยุด บนสถานที่ที่รถทั่วไปเข้าไม่ถึง อุปกรณ์พิเศษประกอบด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เบาะหนัง เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศ พื้นปูพรม วัสดุสังเคราะห์ปูพื้นสำหรับรองรับการลุยขี้โคลนเพราะออกแบบให้ล้างทำความสะอาดได้ง่าย
...
สีภายนอก Traction Green, กระจกมองหลังดิจิทัลขนาด 8.9 นิ้ว, หลังคาผ้าใบด้านข้างแบบ Dual Lift หรือ Lift & Slide ระบบลิ้นชักเก็บของแบบ Aeroklas Twin สามารถเลือกหลังคาผ้าใบแบบพื้นฐาน, ราวกันตกแบบ Rock Slider และระบบแบตเตอรี่คู่



Ranger Super Duty มีความสามารถในการลากจูงเทรลเลอร์หนัก 4,500 กิโลกรัม (9,921 ปอนด์) ซึ่งเทียบเท่ากับ น้ำหนักลากสูงสุดของ Ford F-150
กลุ่มผลิตภัณฑ์ Ranger Super Duty ใช้แชสซีที่ถูกปรับเสริมความแข็งแกร่งใหม่ ช่วงล่างปรับใหม่ ความยาวฐานล้อที่กว้างขึ้นและระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถที่เพิ่มขึ้นเพื่อการลุยแหลกบนทางวิบาก ความสูงที่เพิ่มขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับท่อสน็อกเกิลมาตรฐานและยางที่แข็งแรงขึ้น ช่วยให้ลุยน้ำได้ลึกถึง 850 มม. (33.5 นิ้ว) นั่นคือ ลุยได้เกือบๆเมตรเลยทีเดียว



Ford Ranger Super Duty: มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร ปรับแต่งใหม่ ให้กำลัง 207 แรงม้า (154 กิโลวัตต์ / 209 แรงม้า) แรงบิดเนื้อๆ สไตล์รถอเมริกันที่ 600 นิวตันเมตร (443 ปอนด์-ฟุต) ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ะบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบฟูลไทม์ พร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายหน้าและหลัง มีอัตรารับน้ำหนักเพลาหน้า 1,900 กก. และอัตรารับน้ำหนักเพลาหลัง 2,800 กก. ปรับปรุงระบบระบายความร้อน การเพิ่มแรงลากจูง รวมถึง GVM (มวลรวมของรถ) ที่ 4,500 กก. และ GCM (มวลรวม) ที่ 8,000 กก. การเพิ่มขนาดทำให้ Super Duty มีขีดความสามารถลุยน้ำได้มากขึ้น 50 มม. โดยรุ่นตกแต่งทั้งสามรุ่นที่ประกาศออกมาจนถึงปัจจุบันสามารถลุยน้ำได้ 850 มม.
Super Duty จะใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร ซึ่งมีให้ใช้งานในรุ่นอื่นๆ แล้ว โดยให้กำลัง 154 กิโลวัตต์ที่ 3,250 รอบต่อนาที และแรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นตัวเลขแรงบิดเท่ากัน แต่มีกำลังลดลง 30 กิโลวัตต์




Ford Ranger Super Dut เตรียมเปิดตัวในไทยช่วงต้นปีหน้า (มกราคม-มีนาคม 2569) หลังจากนั้นก็จะส่งออกรถประกอบไทยไปยังออสเตรเลีย ซึ่งลูกค้าออสซี่ดูจะถูกใจมากกว่า Raptor เนื่องจากเป็นรถกระบะสำหรับการลากจูงรถพ่วง รองรับงานหนัก หรือบรรทุกสัมภาระจำนวนมาก ลูกค้าในแดนจิงโจ้ ส่วนใหญ่ ต้องการบรรทุกสัมภาระและออกเดินทางบนถนนออฟโรดกับครอบครัวในช่วงสุดสัปดาห์ รถกระบะรุ่นนี้ช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างรถใช้งานหนักและรถทัวร์ริ่งระดับพรีเมียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เจ้าของรถมีอิสระที่จะทำงานหนักและสนุกได้เต็มที่โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการใช้งานในด้านความสะดวกสบาย
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/