ผบช.ไซเบอร์ แจงหลังถูกพาดพิง ตร.ไซเบอร์ รับส่วยเว็บพนัน ยันเดินหน้าจับหมด ทั้งเว็บเล็ก-ใหญ่ ยึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 2,000 ล้าน พบมีมูลปมร้องเรียน เจ้าหน้าที่รีดเงินเว็บพนัน กรณี "บิ๊กโจ๊ก" อยู่ระหว่างตรวจสอบ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 พ.ย. 68 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. เผยถึงกรณีที่มีการพูดถึงเว็บพนันออนไลน์ว่า ปัจจุบันมีจำนวนมากและตำรวจไซเบอร์ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบในการปราบปรามได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการรับส่วยหรือผลประโยชน์หรือไม่นั้น ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าทางตำรวจนั้นมีการจับกุมเว็บพนันไปมากกว่า 30 เว็บไซต์ ยึดทรัพย์กว่า 2 พันล้าน ซึ่งทาง บช.สอท. ได้ดำเนินการต่อเนื่อง ขณะเดียวกันได้มีการจัดตั้งศูนย์ปราบปรามการพนันออนไลน์ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อทำการกวาดล้างเว็บพนัน และเน้นย้ำนโยบายว่าในการจับกุมให้ขยายผลถึงเจ้าของเว็บไซต์และผู้รับผลประโยชน์โดยตรง อีกทั้งมอบให้สายตรวจไซเบอร์ทำการตรวจจับเหล่าอินฟลูฯ หรือกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง ที่รับจ้างแปะลิงก์โปรโมตชักชวนเล่นเว็บพนันออนไลน์
นอกจากนี้ ได้มีการหารือหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งกระทรวงดีอี และผู้ให้บริการ ในการเสนอปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์ เพื่อให้เป็นรูปธรรม เนื่องจากเมื่อมีการจับกุมเว็บพนันก็จะมีการเปิดขึ้นมาใหม่อีกและใช้ชื่อในลักษณะคล้ายกัน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการกวดขันจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้จับเฉพาะรายเล็กเท่านั้นนับตั้งแต่ต้นเข้ามารับตำแหน่งวันที่ 1 ตุลาคม ตนได้เน้นย้ำผู้ใต้บังคับบัญชาว่าไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวหรือรับผลประโยชน์ จากเว็บพนันออนไลน์ และได้ดำเนินการกับข้าราชการตำรวจใน 3 กรณีที่ปรากฏข้อมูลร้องเรียนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้อำนาจหน้าที่ในการกระทำความผิด
...

โดยกรณีแรก เป็นกรณีตำรวจไซเบอร์ถูกกล่าวหาว่า ไปรีดเงินเจ้าของเว็บพนันไปจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ทำการตรวจสอบก็พบว่ามีมูลความจริง จึงได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป และน่าจะดำเนินการในส่วนของวินัยและอาญาต่อไป กรณีที่สองถูกกล่าวหาว่า ร่วมกับภาคประชาชนไปทำการตรวจโรงงานในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งกรณีนี้ก็พบว่าเป็นการกระทำนอกเหนือจากหน้าที่ และมีมูลข้อเท็จจริงจึงได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงควบคู่กับดำเนินการด้านวินัยต่อไป และกรณีที่สาม ตำรวจ บช.สอท. ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับผลประโยชน์จากการถอนปลดอายัดบัญชี ซึ่งกรณีนี้ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและอยู่ระหว่างการขยายผล หากพบว่ามีมูลก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าทางตำรวจไซเบอร์นั้น กำลังเร่งรัดในการปราบปรามในทุกเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามการพนันออนไลน์ และห้ามไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดไปยุ่งเกี่ยวหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด และยืนยันว่าตำรวจไซเบอร์ดำเนินการจับกุมหมด และหากพี่น้องประชาชนมีข้อมูลสามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์โทร 1441
ส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ที่ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกรณีให้ตรวจสอบว่าตำรวจไซเบอร์ มีความพยายามแยกคดีมินนี่มาดำเนินคดีซ้ำใหม่ ทั้งที่คดีอยู่ในอำนาจสอบสวนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า จากการตรวจสอบพบว่าคดีหลักของทาง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ อยู่ในชั้น ป.ป.ช. แล้ว แต่ด้วยความกังวลของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ว่าจะมีการดำเนินคดีซ้ำซ้อนกับคดีเดิมหรือไม่ จึงได้ร้องเรียนมาให้ช่วยตรวจสอบ ก็ได้สั่งการให้ ผบก. ในสังกัด ตรวจสอบว่ามีคดีใดที่อยู่ในความรับผิดชอบให้ดำเนินการโดยละเอียดถี่ถ้วน หากอยู่ในอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอน แต่หากไม่อยู่ในอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ให้ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป