“หมอวรงค์” ประกาศนำทัพพรรคไทยภักดี พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง 2569 ชู ยกเครื่องประเทศไทยด้วยการเมืองสีขาว พร้อมเผยโฉม 100 ว่าที่ผู้สมัคร สส.ลอตแรก เชื่อรัฐบาลยุบสภาเร็ว ชิงความได้เปรียบการเมือง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 พรรคไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี แถลงข่าวที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพ เปิดนโยบายเรือธง ภายใต้หัวข้อ “ยกเครื่องประเทศไทย ด้วยการเมืองสีขาว” พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทั้งระบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ประมาณ 100 คน โดยยืนยันความพร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งปี 2569 มากกว่าการเลือกตั้งปี 2566
นพ.วรงค์ ระบุว่า แม้การเลือกตั้งปี 2566 พรรคไม่มี สส.ในสภาฯ แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นคือส่วนหนึ่งของการเติบโต ได้เรียนรู้ความผิดพลาด เพื่อพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งให้กับพรรค ซึ่งระยะเวลากว่า 5 ปี พรรคไม่เคยทิ้งประชาชนและอุดมการณ์ความถูกต้อง วันนี้พรรคมีความพร้อมมากกว่าการเลือกตั้งปี 2566 โดยระยะเวลา 2 ปีหลังการเลือกตั้งปี 2566 พรรคยืนหยัดในอุดมการณ์และทำหน้าที่ฝ่ายค้านนอกสภาฯ จนทำให้มีผู้ร่วมอุดมการณ์เดินเข้าสู่พรรคจำนวนมากเพื่อร่วมกันยกเครื่องเปลี่ยนแปลงประเทศ สร้างการเมืองสีขาว
สำหรับจุดแข็งของพรรคไทยภักดี คือ ทำจริง สู้จริง ไม่ใช่แค่สร้างกระแสฉาบฉวย การปราบโกง คนโกงต้องถูกกระบวนการยุติธรรมลงโทษ นโยบายเรือธงของพรรค คือ ยกเครื่องปราบโกง นักการเมืองโกงความเสียหายตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปประหารชีวิตสถานเดียวและห้ามขอพระราชทานอภัยโทษ ยกเครื่องตำรวจ หยุดวงจรส่วย ทุนเทา โอนตำรวจไปสังกัดจังหวัด ยกเครื่องความมั่นคง ยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อปกป้องอธิปไตยชาติ ยกเครื่องการเมือง ตัดสวัสดิการ สส.-สว. ยกเครื่องเศรษฐกิจ รื้อโครงสร้างราคาข้าวทั้งระบบ ประกันราคาข้าวเปลือกเจ้าตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 15,000 บาท ยกเครื่องแรงงาน ดูแลแรงงานนอกระบบ คุ้มครองสิทธิพื้นฐานกลุ่มชาติพันธุ์ ยกเครื่องสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรียกคืนโควตาสลากฯ จากนักการเมือง นายทุน จัดสรรให้คนพิการที่ขายสลากฯ จริง ยกเครื่องบอร์ด สปสช. เพิ่มสัดส่วนให้หมอหรือคนที่ทำงานจริง ยกเครื่องพลังงาน ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าสะอาด ใช้ราคาเป็นเงื่อนไขแข่งขันเพื่อนำไปสู่ไฟฟ้าเสรี เป็นต้น
...

นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า นอกจากผู้สมัครที่เปิดตัวในวันนี้ พรรคเตรียมส่งผู้สมัคร สส.ระบบแบ่งเขต ในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะ กทม. และภาคใต้ รวมถึงผู้สมัครบัญชีรายชื่อ รวมประมาณ 150-200 คน โดยจะใช้กลยุทธ์หาเสียง ทำความเข้าใจและนำเสนอความจริงแก่ประชาชนในทุกช่องทาง
“เรามีความหลากหลายของผู้คน มีลักษณะของพรรคมวลชน มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์มากประสบการณ์ ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตผู้พิพากษา นายตำรวจ เพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบาย ยกเครื่องกระบวนการยุติธรรม ปราบโกง ปราบทุนเทา สร้างนิติรัฐ ให้ทุกคนเสมอภาคภายใต้กฎหมาย มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จร่วมยกเครื่องนโยบายเศรษฐกิจที่สร้างความเข้มแข็งจากเศรษฐกิจฐานราก สร้างดุลกับทุนผูกขาด มีเกษตรกรรุ่นใหม่ ร่วมยกเครื่องโครงสร้างราคาข้าวที่เป็นธรรม มีผู้นำแรงงานร่วมยกเครื่องแรงงาน มีคนหนุ่มสาวที่ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงร่วมยกเครื่องการเมืองเพื่อสร้างอำนาจรัฐของคนทั้งประเทศ มีพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ คนพิการ มีทีมงานหลังบ้านจากทั่วประเทศที่พร้อมเดินไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือทำอุดมการณ์พรรคให้เกิดขึ้นจริง”
หัวหน้าพรรคไทยภักดี เผยต่อไปว่า พรรคเรียนรู้ เติบโตจากความพ่ายแพ้ จึงคาดหวังว่าในการเลือกตั้งปี 2569 ประชาชนจะมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยเรียนรู้จากปัจจุบันและอดีต ลงโทษนักการเมืองที่สร้างความวิบัติ อัปลักษณ์ให้ประเทศ ส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงสร้างการเมืองสีขาว สร้างประเทศที่แข็งแรงกว่าที่เคยเป็นมา
จากนั้น นพ.วรงค์ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของพรรคในการเตรียมการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ว่า การที่เราเปิดตัวผู้สมัคร สส.ในวันนี้ต้องพร้อม ยุบสภาวันนี้เราก็พร้อมเลือกตั้ง เมื่อถามว่าจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตหรือไม่นั้น นพ.วรงค์ ตอบว่า ตั้งเป้าไว้ที่ 150-200 เขต พื้นที่ไหนที่เราประเมินแล้วทุนเทาระบาดหนักจะไม่ส่ง เราส่งในพื้นที่ที่คิดว่าประชาชนมีจิตใจที่สู้กับทุนเทาได้ ส่วนคำถามว่ามีพื้นที่ไหนปักธงไว้หรือไม่ นพ.วรงค์ เผยว่า พื้นที่ที่มั่นใจคือพื้นที่ภาคใต้ และ กทม. แต่ยืนยันว่าจะส่งผู้สมัครครบทุกภาค

ทางด้านจุดแข็งที่จะนำไปขายเพื่อให้ประชาชนเลือกนั้น นพ.วรงค์ กล่าวว่า เราประกาศชัดเจนเรื่องการเมืองสีขาว คือนโยบายการปราบปรามการทุจริต นโยบายเรื่องด้านความมั่นคง รวมถึงทั้งนโยบายการยกเลิก MOU 2543-2544 และนโยบายเรื่องข้าว วันนี้บ้านเราทุนสีเทาระบาดหนัก กระจายครอบคลุมไปหมด จึงขอสื่อสารไปยังประชาชนว่าเงินสีเทาอย่าคิดว่าเป็นแค่เงินพนันออนไลน์ หรือเงินจากสแกมเมอร์เท่านั้น เงินทุจริต เงินผูกขาด เงินที่ส่งมาจากต่างชาติที่มาสนับสนุนเอ็นจีโอ แต่มาช่วยเหลือพรรคการเมืองถือว่าเป็นเงินสีเทาทั้งหมด ซึ่งระบาดไปเกือบทุกพรรคเราจึงต้องใช้การเมืองสีขาวเข้าไปต่อสู้เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามต่อ การเลือกตั้งครั้งที่แล้วไม่ได้ สส. ครั้งนี้จะมีการปรับกลยุทธ์และตั้งเป้าไว้ที่เท่าไร นพ.วรงค์ บอกว่า เราพร้อมรบขนาดนี้ต้องมั่นใจ จากการเรียนรู้ในอดีต คิดว่าประชาชนได้เรียนรู้ว่าเมื่อ สส. เข้าไปแล้วทำไมกลายเป็นนักการเมืองสีเทา ไม่ใช่แค่เฉพาะในสภาฯ ทั้งวงการตำรวจ วงการราชทัณฑ์ และวงการต่างๆ ทั่วไปหมด ดังนั้นการเลือกตั้งรอบนี้อยากให้ประชาชนประเมินให้ดี หากเลือกตามกระแสจะได้แบบเดิม แต่ถ้าต้องการการเปลี่ยนแปลงก็ขอมาเลือกการเมืองสีขาว เมื่อถามต่อถึงนโยบายที่มีจะสู้แชมป์เก่าในพื้นที่ได้หรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ถ้าประชาชนใช้สติคิดวิเคราะห์เราสู้ได้ทุกพรรค
“ผมยืนยันและขอให้บันทึกคำพูดว่า ถ้าไม่เลือกพวกเราเข้าไป เราจะเห็นการเมืองเหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่ในช่วงการหาเสียง มีการปั่นกระแสเพื่อหลอกลวงประชาชนในช่วงหาเสียงเลือกไทยภักดีถูกสร้างมาบนพื้นฐานของความเป็นจริง ความยุติธรรมเพื่ออนาคตที่ดีกว่าวันพรุ่งนี้ ย้ำว่าถ้าเลือกเหมือนเดิม สภาพสังคมก็จะเหมือนเดิม”
ในตอนท้ายเมื่อถามอีกว่ามองไทม์ไลน์การยุบสภาอย่างไรบ้าง นพ.วรงค์ คิดว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย น่าจะยุบสภาเร็วๆ นี้ ดูการเตรียมความพร้อมต่างๆ เหมือนกับว่าจังหวะที่ฝ่ายค้านทำท่าที่จะซักฟอก(อภิปรายไม่ไว้วางใจ) เลยฉวยโอกาสยุบสภา เพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาพร้อมกว่าคู่แข่ง ดีไม่ดีเปิดสภาฯ มาวันที่ 12 ธันวาคม อาจจะยุบเลยก็ได้.

