นายไล่ ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีไต้หวัน เปิดเผยแผนการจัดทำงบประมาณเสริมด้านกลาโหมเพิ่มเติมมูลค่า 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 1.28 ล้านล้านบาท) เพื่อเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องตนเอง ท่ามกลางภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากจีน ที่เพิ่มแรงกดดันทั้งทางทหารและการเมืองในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เพื่อยืนยันการอ้างสิทธิ์เหนือเกาะไต้หวัน
ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ซึ่งเคยตั้งเป้าที่จะเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้ถึง 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2030 ตามแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ไต้หวันใช้จ่ายด้านกลาโหมมากขึ้น กล่าวในงานแถลงข่าวว่า"ความมั่นคงของชาติไม่มีพื้นที่สำหรับการประนีประนอม" และหล่าวต่อว่า "อำนาจอธิปไตยของชาติและค่านิยมหลักของเสรีภาพและประชาธิปไตย คือรากฐานที่แท้จริงของประเทศของเรา"
นายไล่ ซึ่งประกาศแผนการใช้จ่ายนี้ครั้งแรกในบทความแสดงความเห็นในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. กล่าวว่า ไต้หวันกำลังแสดงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องตนเอง โดยย้ำว่านี่คือ "การต่อสู้ระหว่างการปกป้องไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตย กับการปฏิเสธที่จะยอมจำนนกลายเป็น 'ไต้หวันของจีน'" ไม่ใช่แค่การต่อสู้ทางอุดมการณ์หรือข้อพิพาทเรื่อง "การรวมชาติเทียบกับการเป็นเอกราช" เท่านั้น
ปัจจุบัน ไต้หวันกำลังปรับปรุงกองทัพให้เป็นไปตามแนวทาง "สงครามแบบอสมมาตร" (asymmetric warfare) เพื่อให้กองกำลังของตนซึ่งมีขนาดเล็กกว่าจีนมาก มีความคล่องตัว และสามารถตอบโต้ได้อย่างตรงเป้าหมาย
ตัวเลขของรัฐบาลระบุว่า ในปี 2026 รัฐบาลวางแผนให้การใช้จ่ายด้านกลาโหมอยู่ที่ 949.5 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 976,560 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็น 3.32% ของจีดีพี และจะเป็นครั้งแรกที่งบประมาณด้านนี้ข้ามผ่านเกณฑ์ 3% นับตั้งแต่ปี 2009
...
นายเรย์มอนด์ กรีน เอกอัครราชทูตโดยพฤตินัยของสหรัฐฯ ในไทเป กล่าวสนับสนุนแผนดังกล่าว โดยระบุว่า "การประกาศในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน ด้วยการเสริมสร้างการยับยั้ง"
ด้านนายเผิง ชิงเอิน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน ออกมากล่าวหาไต้หวันว่า ยอมให้ "กองกำลังภายนอก" บงการการตัดสินใจ "พวกเขากำลังใช้จ่ายเงินที่สามารถนำมาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและพัฒนาเศรษฐกิจไปกับการซื้ออาวุธและการเอาอกเอาใจอำนาจภายนอก ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ไต้หวันเข้าสู่หายนะเท่านั้น"
แม้สหรัฐฯ จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่กฎหมายกำหนดให้ต้องจัดหาวิธีการที่ไต้หวันจะสามารถป้องกันตนเองได้ โดยนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง สหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายอาวุธใหม่ให้ไต้หวันเพียงครั้งเดียว เป็นแพ็กเกจมูลค่า 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับเครื่องบินขับไล่และชิ้นส่วนอากาศยานอื่น ๆ ที่ประกาศเมื่อเดือนนี้
นายไล่ยืนยันความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ว่า "แข็งแกร่งดุจหินผา" โดยอ้างอิงถึงคำพูดของทรัมป์ที่ระบุว่า "ไต้หวันคือไต้หวัน" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ให้ความเคารพต่อไต้หวันอย่างชัดเจน
นายไล่ยังคงยืนยันจุดยืนเดิมว่า มีเพียงชาวไต้หวันเท่านั้นที่จะสามารถตัดสินอนาคตของตนเองได้ แม้ว่าจีนจะปฏิเสธข้อเสนอการเจรจาซ้ำ ๆ ของเขา และตราหน้าเขาว่าเป็น "ผู้แบ่งแยกดินแดน" ก็ตาม.
ที่มา Reuters