“ทรงศัก สายเชื้อ” ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่ เตรียมคุย รมว.พาณิชย์ เร่งดันออกกฎหมายคุมนอมินีข้ามชาติแย่งธุรกิจคนไทย ลั่นเดินหน้าตรวจสอบอย่างเข้มข้น


วันที่ 21 พ.ย. 2568 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจัดพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายทรงศัก สายเชื้อ ดำรงตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งในพิธี นางสาวคมขวัญ กาญจนกุญชร รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน รักษาการแทนเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เชิญพระบรมราชโองการวางหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนายสิริน ชาวเพ็ชรดี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน อ่านประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง จากนั้น นายทรงศัก สายเชื้อ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเปิดกรวยดอกไม้ถวายราชสักการะ และถวายบังคมต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ยึดหลัก “5 R”

นายทรงศัก กล่าวเน้นย้ำถึงหลักการทำงาน โดยยึดหลัก “5 R” อันได้แก่

1. Resolution - People-Centered มุ่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและเสริมสร้างความเป็นธรรมโดยยึดถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง

2. Recommendation for Good Administration, Public Service and Inclusive and Sustainable Development การเสนอแนะเพื่อส่งเสริมการบริหารที่ดีและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการให้บริการสาธารณะที่มีคุณภาพและทั่วถึงต่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนการเสนอแนะเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

3. Reinvigoration การสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ภาคประชาชน

4. Rule of Law การยึดหลักนิติธรรมและการส่งเสริมหลักนิติธรรม

5. Reinventing and Reenergizing การปรับแนวทางการทำงานและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กรผู้ตรวจการแผ่นดิน

...


จ่อคุย รมว.พาณิชย์ เร่งสกัดนอมินี

พร้อมกันนี้ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหานักธุรกิจชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบกิจการแย่งงานแย่งอาชีพคนไทยในหลายจังหวัด ว่า เรื่องนี้ถือปัญหาหลักของประเทศ เนื่องจากพบว่า ผู้ประกอบการเหล่านี้มีแนวโน้มมีธุรกิจสีเทา และนอมินีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปีนี้จะเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการ โดยเร็วๆนี้ก็จะพบกับรมว.พาณิชย์เพื่อเร่งรัดขั้นตอนการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องนอมินี เพราะเป็นปัญหาที่เป็นความเร่งด่วนระดับหนึ่งของประเทศ ที่ผ่านมา การออกกฎหมายดังกล่าวค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐบาล และหวังว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะเห็นความสำคัญในการเร่งรัดออกระเบียบอย่างเร่งด่วน และตนจะไปประชุมกับกรรมาธิการวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร เริ่มกระบวนการออกกฎหมายฉบับเต็ม เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า