Toyota ฝาก 3 เรื่องหลักกับรัฐบาล ได้แก่ มาตรการสนับสนุนตลาดรถยนต์ในทุกเซ็กเมนต์ ปกป้องการผลิตภายในประเทศ และส่งเสริมภาคการส่งออก หวังฟื้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด หรือ Toyota กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2568 นี้ ตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค.-ต.ค.พบว่า ยอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 4% ซึ่งเราคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์รวมทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 600,000 คัน ซึ่งหากเทียบกับปี 2567 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายรถยนต์รวม 573,000 คัน ซึ่งลดลงกว่า 26% เมื่อเทียบกับปี 2566
ทั้งนี้เราประมาณการว่า ช่วงที่ยากลำบากที่สุดของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยได้ผ่านไปแล้ว โดยในปี 2569 นี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดจะดีขึ้นกว่าปัจจุบัน และประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศไม่น่าจะต่ำกว่า 630,000 คัน ซึ่งรัฐบาลน่าจะมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ แต่ก็ยังต้องจับตาความท้าทายจากปัจจัยภายนอกเช่น การเมืองโลก และนโยบายต่างๆ ด้านภาษี
อย่างไรก็ตามในช่วงสถานการณ์ที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์รวมถึงโตโยต้าเองอยากฝาก 3 เรื่องสำคัญกับรัฐบาลดังนี้
1. มาตรการสนับสนุนตลาดรถยนต์ : ขอให้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมตลาดรถยนต์ในทุกเซกเมนต์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม
2. ปกป้องการผลิตภายในประเทศ : สร้างความเข้มแข็งและเป็นธรรมให้ Supply Chain ภายในประเทศ รวมถึงพิจารณาสิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับผู้ผลิตที่ใช้ชิ้นส่วนและวัตถุดิบในประเทศ
3. ส่งเสริมภาคการส่งออก : ปรับมาตรการเพื่อรองรับและส่งเสริมการส่งออกรถยนต์จากประเทศไทย
"อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยถือเป็นภาคส่วนสำคัญที่สร้าง GDP ให้ประเทศถึง 10% และสร้างการจ้างงานมากกว่า 900,000 คน ซึ่งเราหวังว่านโยบาย Quick Win ของรัฐบาลจะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยปรับตัวดีขึ้น"
...

มร.โนริอากิ กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดตัวรถยนต์กระบะ Hilux Travo ไปเมื่อต้นเดือนพ.ย.68 ที่ผ่านมาเราได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย ซึ่งรวมทั้งหมดใน Hilux ก็มากกว่า 10,000 คัน
จากนี้ก็จะพยายามบริการเรื่องการผลิตให้เร็วที่สุด เพื่อส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้า ส่วนออเดอร์ Hilux Travo จากต่างประเทศนั้นตอนนี้ที่มีมากที่สุดยังเป็น ออสเตรเลีย ซึ่งตั้งแต่ปี 69 เป็นต้นไปน่าจะขยายตลาดต่างประเทศได้เพิ่มเติมอีกแน่นอน
ทั้งนี้ Toyota Hilux ถือเป็นผลิตภัณฑ์แชมป์เปี้ยนของไทยและขอโตโยต้า เนื่องจากผลิตในประเทศไทยโดยใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
สำหรับโตโยต้าเองยังคงเรามุ่งมั่นพื่อศึกษาความต้องการและพฤติกรรมการใช้งานจริงของลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนารถยนต์ที่ตอบโจทย์ความพึงพอใจได้มากที่สุด ประกอบกับความแข็งแกร่งของเครือข่ายที่มีศูนย์บริการกว่า 450 แห่ง และดีลเลอร์ 150 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับลูกค้า