ภูมิศาสตร์การเมืองของประเทศไทย กำลังปรับเปลี่ยนบริบทแห่งการสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันอันเป็นที่เคารพสูงสุดของประเทศ ไปสู่ความแนบแน่นกับทุกสถาบันทางการเมืองเพื่อร่วมกันบริหารราชการแผ่นดิน
ดั่งนี้ หมากเกมทางการเมืองไทยที่ผ่านมาในหลายช่วงทศวรรษจึงเดินมาถึงปลายทางของความต้องการแน่วแน่ที่จะเปลี่ยนกระดานใหม่ ซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญที่นักการเมืองต้องการ แต่ต้องเป็นไปตามรูปแบบของวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวของคนไทยควบคู่กันไปด้วย
จึงไม่ต้องแปลกใจที่ถนนทุกสายไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ บ้านเล็ก หรือบ้านใหญ่ในท้องถิ่น ต่างเดินไปสู่รั้วสีน้ำเงินของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งชัดเจนว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคภูมิใจไทยจะมีคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 และสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาได้...
ตรงกันข้ามกับพรรคสีส้ม...ประชาชน ซึ่งออกประกาศสโลแกนใหม่มาบ่อยๆ เพื่อล้างความผิดพลาดของตนในการเดินเกมการเมืองที่ผลักตัวเองออกจากโลกแห่งความเป็นจริง และความเป็นไปในสังคมไทย
วิบากกรรมซ้ำรอยบ้านจันทร์ส่องหล้า
ในเวลาเดียวกัน การเล่นกันถึงตายของอัยการสูงสุดที่สั่งอุทธรณ์ผลการตัดสินของศาลชั้นต้น พลิกมติเดิมของศาลชั้นต้น นำทักษิณ ชินวัตร กลับสู่การพิจารณากรณีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามมาตรา 112 อีกครั้ง
ตามด้วย ศาลฎีกากลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ให้ ทักษิณ ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้นในเครือชินคอร์ปให้แก่เทมาเส็กจากสิงคโปร์มูลค่ารวม 74,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่า 17,600 ล้านบาท...
จริงๆ หลังการรัฐประหารในปี 2549 ทักษิณ ได้ถูกยึดทรัพย์ไปแล้ว 46,000 ล้านบาท ถ้าจะให้มีการจ่ายภาษีอีก 17,600 ล้านบาท จะรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 63,600 ล้านบาท...
...
ลบกับรายได้ที่ขายกิจการ รวมหุ้นทั้งหมดให้เทมาเส็ก 74,000 ล้านบาท ทักษิณ และครอบครัวชินวัตร จะเหลือเงินอยู่เพียง 10,400 ล้านบาท
บรรดานักวิเคราะห์ นักวิชาการ และสื่อมวลชน ให้ความเห็นต่อประเด็นนี้ว่า เป็นการกำจัดทั้งกระสุน และกระแสของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้าให้ไม่เหลืออะไรเลย...
ไม่ใช่หมดสิทธิ์เฉพาะทักษิณที่จะขอรับพระราชทานอภัยโทษออกจากเรือนจำก่อนครบ 1 ปีเท่านั้น แต่ยังจำกัดสิทธิ์ของผู้ที่จะถูกเลือกเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนต่อไปจากครอบครัวชินวัตร รวมถึงการขอพระราชทานอภัยโทษเพื่อกลับเข้าประเทศของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย
กรณีข้างต้น จึงเท่ากับเป็นการรัฐประหารครอบครัวชินวัตร เพื่อหยุดยั้งการเติบโตและการครอบครองอำนาจทางการเมืองอีกครั้งในพรรคเพื่อไทย
โจทย์ใหญ่ของขั้วอำนาจใหม่
การสถาปนาอำนาจทางการเมืองใหม่ให้กับพรรคสีน้ำเงิน...ภูมิใจไทย แทนที่การใช้งานทักษิณ ซึ่งต้องกลับบ้านมาทำ 3 เรื่องให้เรียบร้อยคือ ทำเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตขึ้นและกลับสู่เวทีโลกได้, ทำให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ และเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลในการดำเนินนโยบายต่างๆ...
เท่ากับพรรคสีน้ำเงินต้องรับหน้าที่นี้ไปทำต่อ และถึงแม้จะมีความพยายามทำให้การเมืองมีเสถียรภาพด้วยการอ้าแขนรับพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาร่วมเป็นรัฐบาลด้วยกัน หรือทำเศรษฐกิจประเทศให้เติบโต และกลับสู่เวทีโลกสำเร็จ
แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่พรรคสีน้ำเงินต้องแสดงความชัดเจน และบริสุทธิ์โปร่งใสในการจัดการกับประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันของตำรวจ องค์กรอิสระ การทำให้เกิดความโปร่งใสชัดเจนในคดีฮั้วสว. ที่ดินเขากระโดง การจัดการกับข้อพิพาทชายแดนไทย-เขมร และธุรกิจสีเทา เว็บพนันออนไลน์ ศูนย์กลางสแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่ยังค้างคาใจคนไทยอยู่
ภูมิศาสตร์การเมืองไทยควรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ในขณะที่คนไทยมองเห็นได้ว่า อนาคตประเทศจะดำเนินไปในทิศทางใด