“จตุพร พรหมพันธุ์” แนะปฏิรูปองค์กรเรือนจำ หลังมีเหตุนักโทษจีนเทามั่วเซ็กซ์ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ชี้เป็นสิ่งที่ประชาชนตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ซัดผู้บัญชาการเรือนจำจะอ้างไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้เด็ดขาด



วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐทีวี ถึงกรณีที่กรมราชทัณฑ์ตั้งกรรมการตรวจสอบผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจากที่มีพฤติกรรมรับเงินจากผู้ต้องขังจีนเทาแลกกับการจัดหาสิ่งของอำนวยความสะดวก รวมไปถึงมีสาวสวยต่างชาติเข้าไปให้บริการทางเพศ


โดย นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับตนเองเข้าไปเป็นผู้ต้องขังครั้งแรก ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2550 จนถึงการเข้าไปเป็นผู้ต้องขังในครั้งที่ 5 เมื่อปี 2564 ซึ่งในห้วงระยะเวลาตลอด 5 ครั้งที่ตนเองเข้าไปเป็นผู้ต้องขังภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นั้น ยอมรับว่ารู้จักพื้นที่ภายในเรือนจำเป็นอย่างดี อาจจะเปรียบเทียบได้ว่า ต่อให้ปิดตาเดินก็ยังเดินไปได้ แต่ยุคที่ตนเองเข้าไปเป็นผู้ต้องขังนั้นยังไม่มีเรื่องจีนเทาเข้ามาเกี่ยวข้องในประเทศ จึงทำให้ไม่เคยเห็นว่ามีการคุมขังผู้ต้องขังที่เป็นจีนเทาแต่อย่างใด พบเพียงผู้ต้องขังที่เป็นระดับเจ้าของบ่อนคาสิโนของมาเก๊า ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในระหว่างที่ทางการจีนขอตัวไปดำเนินคดีในประเทศจีน แต่ตนเองก็ได้สังเกตจากลักษณะของเจ้าพ่อบ่อนคาสิโนคนดังกล่าว อยู่ในลักษณะของการถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ได้มีพฤติกรรมวางอิทธิพล ก้าวร้าว หรือแสดงถึงการมีอำนาจภายในเรือนจำ รวมถึงลักษณะของการสร้างฮาเร็มภายในเรือนจำ แต่อย่างใด


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการส่งผู้หญิงชาวต่างชาติเข้าไปบำเรอความใคร่ของผู้ต้องขังจีนเทาภายในเรือนจำนั้น ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นภายในเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง อย่างเช่น เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แห่งนี้ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แต่เพียงประชาชนชาวไทยที่ตกใจ แม้แต่เจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์เองก็รู้สึกตกใจและไม่มีใครเคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะการเอาผู้หญิงที่เป็นนางแบบไปให้บริการกับนักโทษจีนเทาที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำนั้น ส่วนตัวมองว่าจะไม่สามารถทำได้เลยหากไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกจากผู้บริหารระดับสูงของเรือนจำและเจ้าหน้าที่ของเรือนจำ ซึ่งการที่จะมีผู้หญิงผ่านเข้าไปภายในเรือนจำได้ หรือสิ่งของที่เป็นข้อห้ามเข้าไปภายในเรือนจำ ก็สามารถที่จะผ่านได้ในช่องทางเดียวคือทางเข้าออกเฉพาะของผู้บัญชาการเรือนจำ ในการขึ้นบันไดผ่านหน้าห้องผู้บัญชาการ จนไปถึงห้องลับที่เปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มนักโทษจีนเทามีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ถูกนำเข้าไปส่ง และสำหรับพื้นที่ภายในเรือนจำก็มีทั้งหมด 8 แดน ซึ่งตอนนี้แดน 2 ก็คือแดนแรกรับ หลังจากนั้นเมื่อครบกำหนด 15 วัน ก็จะส่งผู้ต้องขังไปคุมขังอยู่แต่ละแดน ซึ่งทุกๆ แดนก็สามารถเดินเข้าพื้นที่ส่วนกลาง และเดินเข้าไปยังจุดที่ใกล้เคียงกับห้องทำงานของผู้บัญชาการเรือนจำได้ ซึ่งก็หมายถึงว่า การที่จะเดินไปถึงห้องลับก็ไม่ได้เป็นไปอย่างยากลำบากอะไร

...


สำหรับประเด็นเรื่องห้องลับดังกล่าว ตนเองอยากจะขออธิบายว่า ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่ได้เป็นห้องลับ แต่เป็นห้องเก็บของทั่วไป แต่เมื่อไม่ได้ถูกใช้งานให้เป็นห้องปฏิบัติภารกิจหลักประจำ จึงผันแปรสภาพมาเป็นห้องลับที่เปิดพื้นที่ให้กับนักโทษกลุ่มจีนเทาไปใช้ภารกิจในการเสพสังวาสเป็นฮาเร็ม จึงมีการเรียกห้องดังกล่าวว่าห้องลับ


ซึ่งตนเองก็อยากให้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่า วิธีการเข้าออกของผู้หญิงคนดังกล่าว รวมถึงข้าวของเครื่องใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่เข้าไปปรนเปรอความสบายของนักโทษจีนเทาเหล่านั้นเป็นอย่างไร ส่วนตัวมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางผู้บัญชาการเรือนจำจะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นนั้นไม่ได้เด็ดขาด


สำหรับส่วนตัวยังมองอีกว่า วิธีการอำนวยความสะดวกของผู้บัญชาการเรือนจำและเจ้าหน้าที่ภายในเรือนจำกับกลุ่มผู้ต้องขังจีนเทานั้น ต้องยอมรับก่อนว่ากลุ่มผู้ต้องขังจีนเทาจะมีลูกน้องที่อยู่ภายนอกเรือนจำ เมื่อพวกเขาเหล่านั้นมีความต้องการอยากได้อะไรก็จะสั่งการผ่านลูกน้องที่เข้ามาเยี่ยม และให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ โดยการประสานตั้งแต่ระดับสูงจนถึงระดับปฏิบัติงาน เพราะฉะนั้น กลุ่มคนพวกนี้จึงไปประสานที่จะเอาผู้หญิงเข้าไปบำเรอกลุ่มผู้ต้องขังจีนเทา ซึ่งก็เป็นเจ้านายที่ถูกคุมขังอยู่ภายใน

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่เรือนจำเองก็จะต้องเลือกเวลาที่เป็นวันหยุดราชการ เนื่องจากไม่มีการพลุกพล่านของผู้คนในการที่จะนำผู้หญิงเข้าไปส่งให้กับผู้ต้องขังจีนเทา รวมถึงข้าวของเครื่องใช้สิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือขบวนการอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่เรือนจำที่นักโทษทั่วไปไม่สามารถทำได้


ที่ผ่านมาเราอาจจะได้ยินข่าวว่าในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ภายในเรือนจำนั้น ก็อาจจะเป็นการพูดกันปากต่อปากเกี่ยวกับเรื่องของเพศสัมพันธ์เพศเดียวกัน แต่ถึงขั้นที่ว่านำผู้หญิงเข้าไปปรนเปรอทำเป็นฮาเร็ม และมีอุปกรณ์เครื่องใช้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องขังจีนเทา เสมือนว่าไม่ได้เข้าไปถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำนั้น


ส่วนตัวมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ระบบราชการตอนนี้กำลังพังตามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม นอกจากสืบสวนดำเนินคดีและหาข้อเท็จจริงแล้ว ก็ควรที่จะปฏิรูปองค์กร อย่าให้เป็นเหมือนตำรวจที่ต้องไปปฏิญาณว่าไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม แม้ว่าที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมจะออกแถลงข้อเท็จจริงหลายประการมาแล้วก็ตาม นอกจากนี้ตนเองยังได้มีโอกาสสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้คุมที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แห่งนี้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร ซึ่งก็ได้รับคำตอบที่ตรงกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจากพฤติกรรมการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มนักโทษจีนเทาดังกล่าวนี้ ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานมีความอึดอัดมานาน และเรื่องราวเหล่านี้ก็ได้ยินเข้าหูไปถึงนักโทษภายในเรือนจำมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร จนมาถึงห้วงเวลาที่เหมาะสมที่ทางกรมราชทัณฑ์จัดชุดจู่โจม บุกเข้าตรวจค้นภายในเรือนจำ อาศัยช่วงที่เกลือยังไม่ทันเป็นหนอน จนสามารถทำให้เจอหลักฐานปรากฏหลายอย่างเกี่ยวกับการกระทำความผิด