ซื้อกระบะเพื่อทำกิน บสย.ค้ำประกันให้รายละไม่เกิน 1.5 ล้าน โตโยต้า ลีสซิ่ง พร้อมปล่อยกู้ ปลดล็อกผู้ประกอบการรายเล็ก และ SMEs รายย่อย เพื่อใช้รถในการประกอบอาชีพ
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 68 นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. กล่าวว่า บสย. ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ ผ่านมาตรการกระบะพี่ มีคลังค้ำ สำหรับ SMEs และ SMEs ขนาดเล็ก ที่ยื่นขอสินเชื่อเช่าซื้อกับโตโยต้า ลีสซิ่ง
โดยใช้ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อ พร้อมสิทธิประโยชน์ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-7 คิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ของภาระหนี้ค้ำประกันในแต่ละปี พร้อมค้ำประกันสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด วงเงินค้ำประกันสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อราย
ทั้งนี้เราตั้งเป้ามาตรการนี้จะช่วยปลดล็อก SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ทั้งช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
สำหรับมาตรการกระบะพี่ มีคลังค้ำ เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของรัฐบาล เพื่อช่วยให้ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. เพื่อสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ เพิ่มโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ให้กับ SMEs ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถกระบะเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น เกษตรกร รับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย ฟู้ดทรัค เป็นต้น
"กลไกการค้ำประกันของบสย.ถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มที่เข้าไม่ถึงสินเชื่ออยู่แล้ว ซึ่งผู้ประกอบการขนาดเล็กๆ จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้ โดยภาพรวมพอร์ตค้ำประกันของ บสย. ส่วนใหญ่มาจากภาคบริการ เช่น ท่องเที่ยว, ก่อสร้าง, ร้านอาหาร, โลจิสติกส์ และภาคเกษตร โดยเฉพาะเกษตรแปรรูป ซึ่งก็สอดคล้องกับการใช้งานรถกระบะ"
...
ปัจจุบันมีการใช้วงเงินค้ำประกันไปแล้วประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท เหลือวงเงินที่สามารถใช้ได้อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบัน บสย. อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อขอขยายระยะเวลาที่เหลือออกไปในปีหน้า จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ในกรณีที่ใช้งบวงเงินไม่หมด

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด หรือ Toyota กล่าวว่า SMEs และกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย มีความสำคัญต่อยอดขายรถยนต์โตโยต้าเป็นอย่างมาก ซึ่งปีนี้ต้องยอมรับว่าตลาดรถค่อนข้างท้าทายมาก
แต่ปัจจุบันสถานการณ์ของตลาดกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีห่วงโซ่การผลิตที่ยาวและพึ่งพาซัพพลายเออร์ในประเทศค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบริษัทฯ ที่ใช้ Local Content หรือ การใช้ชิ้นส่วนในประเทศ ในสัดส่วนสูง ยกตัวอย่างโตโยต้า ไฮลักซ์ หรือ TOYOTA HILUX ซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศสุงสุดถึง 95%
ดังนั้น เมื่อยอดขายลดลง จึงส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ และสะท้อนกลับมายังเศรษฐกิจประเทศโดยรวม เนื่องจากภาคยานยนต์ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจไทย
สำหรับตลาดรถกระบะเพื่อการบรรทุก (Pure Pick up) หรือ รถกระบะตอนเดียว ปริมาณการขายสะสมเดือนมกราคม – กันยายน อยู่ที่ 107,150 คัน ลดลง 15.3% สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งสร้างความกดดันด้านความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากความร่วมมือในครั้งนี้ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้นผ่านการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมยอดขาย และช่วยรักษาความต่อเนื่องของอุตสาหกรรมได้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอย่างแท้จริง
"ตามปกติทางโตโยต้าจะมีระบบการเก็บสินเชื่อรถยนต์อัตโนมัติ (auto loan collected) และมีการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อในปัจจุบันเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งคาดว่ามีหากมาตรการกระบะพี่มีคลังค้ำจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถกระบะของโตโยต้าในช่วงปลายปี 68 ได้ประมาณ 5-10%"
นางสาวชื่นกมล ทัพพะรังสี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การมี บสย. เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อ นับเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าที่อาจมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ มาตรฐานของบริษัท สนับสนุนและเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยได้เป็นเจ้าของรถกระบะเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างแท้จริง
โดยคาดว่าจากการมี บสย. เข้ามาค้ำประกัน จะช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ให้กับโตโยต้า ลีสซิ่ง ควบคู่ไปกับการผลักดันยอดการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ให้เติบโตขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขยายโอกาสทางธุรกิจ และเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ให้แก่ตลาดรถยนต์โดยรวม
...

นายศรัณย์ ทองธรรมชาติ ประธานกรรมการสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า การปลดล็อกให้ Non-Bank กลุ่มลีสซิ่ง สามารถเข้าร่วมโครงการกับ บสย. ถือเป็นมิติใหม่ในวงการธุรกิจเช่าซื้อไทย เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถกระบะมาจากสถาบันการเงิน 50% และกลุ่ม Non-Bank 50% ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจาก Captive Finance
จากความร่วมมือในครั้งนี้ ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมธุรกิจเช่าซื้อ นำสู่การขยายความร่วมมือระหว่าง Non-bank กับ บสย. ไปสู่โครงการอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมผลักดันยอดขายรถยนต์ที่ซบเซาจากภาวะเศรษฐกิจให้กลับมาพลิกฟื้นได้
สำหรับ SMEs ที่ต้องการซื้อรถกระบะเพื่อประกอบอาชีพ สามารถติดต่อที่โชว์รูมรถยนต์โตโยต้า ใกล้บ้าน และยื่นขอสินเชื่อกับ โตโยต้า ลีสซิ่ง โดยให้ บสย. ค้ำประกัน หรือ ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ ได้ที่ LINE OA : @tcgfirst ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย