กลุ่มพิทักษ์สิทธิเด็กและผู้บริโภคในสหรัฐฯ ออกคำเตือนแรงถึงผู้ปกครอง หลีกเลี่ยงการให้ของเล่นปัญญาประดิษฐ์แก่เด็กเล็ก มีความเสี่ยงพูดคุยเรื่องเพศ ให้คำแนะนำเรื่องอุปกรณ์อันตรายอย่างของมีคม

กลุ่มพิทักษ์สิทธิเด็ก Fairplay เผยแพร่รายงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 ราย ตั้งแต่จิตแพทย์เด็ก นักพัฒนาการเด็ก ไปจนถึงนักการศึกษา ออกคำเตือนแรงถึงผู้ปกครองว่า "ของเล่นปัญญาประดิษฐ์ (AI toys)"  ไม่ปลอดภัยต่อเด็กเล็ก แม้จะถูกโฆษณาว่าช่วยเรียนรู้และเป็นเพื่อนเล่นได้ก็ตาม โดยระบุว่าของเล่นเหล่านี้ใช้โมเดล AI แบบเดียวกับแชตบอทที่เคยถูกพบว่า ก่ออันตรายต่อเด็กและวัยรุ่น เช่น ChatGPT  ซึ่งเสี่ยงชวนเด็กหมกมุ่น คุยเรื่องเพศ และพฤติกรรมไม่ปลอดภัย พร้อมทั้งเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงการซื้อของเล่นประเภทนี้ในช่วงวันหยุดปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ยอดขายของเล่นสูงสุด 

โดยในรายงาน Fairplay ระบุด้วยว่า ของเล่น AI ซึ่งผลิตโดยบริษัทอย่าง Curio Interactive และ Keyi Technologies แม้ถูกโฆษณาว่าเป็นอุปกรณ์การเรียนรู้ แต่แท้จริงแล้วของเล่นเหล่านี้ อาจแทนที่กิจกรรมสร้างสรรค์ที่จำเป็นต่อพัฒนาการเด็ก และยังส่งผลเสียต่อทักษะสังคมและความยืดหยุ่นทางอารมณ์

ราเชล ฟรานซ์ ผู้อำนวยการโครงการ Young Children Thrive Offline ของ Fairplay ระบุว่า เด็กเล็กมีแนวโน้มเชื่อถือสิ่งรอบตัวง่าย และสมองกำลังพัฒนา ทำให้ของเล่น AI กลายเป็นวัตถุที่เด็กไว้วางใจเกินควร ซึ่งอาจขยายความเสียหายให้รุนแรงกว่าที่พบในเด็กโต

Fairplay เคยเป็นผู้นำการต่อต้านของเล่นเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่น "Hello Barbie" ของ Mattel เมื่อสิบปีก่อน ซึ่งเคยถูกวิจารณ์ว่าบันทึกเสียงเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ปีนี้ทิศทางต่างออกไป เพราะของเล่น AI พัฒนาเร็วกว่าเดิมมาก และเริ่มหลุดเข้ามาวางขายบนชั้นห้างในสหรัฐฯ ขณะเอเชียกำลังเป็นตลาดใหญ่ของของเล่นประเภทนี้

...

ฟรานซ์เตือนว่าการที่ผู้ผลิตหลายราย รวมถึง Mattel ที่เพิ่งจับมือกับ OpenAI เข้าสู่ตลาดนี้คือสัญญาณที่น่ากังวลเพราะของเล่น AI ถูกวางจำหน่าย โดยไม่มีงานวิจัยรองรับผลกระทบต่อเด็ก และแทบไม่มีการกำกับดูแลใด ๆ

คำเตือนล่าสุดนี้ นับเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ หลังจาก U.S. PIRG เผยรายงานประจำปี Trouble in Toyland เตือนว่าของเล่น AI บางชิ้นพูดคุยเรื่องเพศอย่างละเอียด ให้คำแนะนำเรื่องอุปกรณ์อันตราย เช่น ไม้ขีดหรือมีด และไม่มีระบบควบคุมผู้ปกครองที่เพียงพอ โดยมีหนึ่งกรณีที่ของเล่นตุ๊กตาหมีจากบริษัทสิงคโปร์ถูกถอดออกจากตลาดหลังถูกตรวจพบพฤติกรรมเสี่ยงเช่นกัน

ดร.ดานา ซัสกินด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการสมองเด็กเล็ก ระบุว่าเด็กยังไม่มีความสามารถแยกแยะว่า AI คืออะไร จึงอาจผูกพันกับของเล่นแบบผิดธรรมชาติ โดยของเล่นทั่วไปทำให้เด็กสร้างทั้งสองฝั่งของบทสนทนาด้วยจินตนาการ แต่ของเล่น AI จะตอบกลับทันที แบบไม่สะดุด และดีกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ นั่นทำให้เด็กไม่ฝึกทักษะการคิดแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์อย่างที่ควรเป็น เธอยังเตือนด้วยว่า มนุษย์ยังไม่รู้ผลกระทบระยะยาวจากการที่ AI เข้ามาทำหน้าที่แทนจินตนาการ ที่เป็นหัวใจของการเล่นสมมติ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา

ทางด้านของผู้ผลิตอย่าง Curio Interactive ออกมาโต้แย้งในเรื่องนี้ ว่าของเล่นเช่นตุ๊กตา "Gabbo" หรือ "Grok" ถูกออกแบบด้วย guardrails เพื่อความปลอดภัย และผู้ปกครองสามารถติดตามบทสนทนาได้

ส่วนบริษัท Miko จากอินเดียยืนยันว่าใช้โมเดล AI ของตัวเอง ไม่ใช่โมเดลใหญ่แบบ ChatGPT เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มระบบกรองเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าของบริษัทวางจำหน่ายในร้านใหญ่ เช่น Walmart และ Costco

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการยังคงมองว่ามาตรการต่าง ๆ ยังไม่เพียงพอสำหรับเด็กเล็ก และของขวัญที่ดีที่สุดยังคงเป็น ของเล่นธรรมดา โดยดร.ดานา ซัสกินด์ ซัสกินด์ย้ำว่าในวัยนี้ เด็กต้องการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์จริง ๆ มากกว่า AI การเล่นควรช่วยเสริม ไม่ใช่แทนที่การสื่อสารกับพ่อแม่หรือเพื่อน

อย่างบล็อกไม้ ชุดต่อ หรือของเล่นธรรมดาที่เด็กต้องคิดเอง คือสิ่งที่สร้างความคิดสร้างสรรค์และทักษะบริหารจัดการสมอง ไม่ใช่ของเล่นที่จะมาคิดแทนเด็ก และการให้เด็กเล็กใช้ AI แบบไม่จำกัด จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี.


ที่มา : ABC

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ของเล่นเด็ก