“ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ขอบคุณน้ำใจชาวกรุงหลั่งไหลช่วยชาวใต้ต่อเนื่อง พร้อมสั่งการ 6 ข้อ ทบทวนแผน กทม. รับมือน้ำท่วม ถอดบทเรียนอุทกภัยหาดใหญ่ ปรับให้เข้มขึ้น


วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมจุดรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูล นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม. ร่วมมือกับสภากาชาดไทยในการเปิดจุดรับบริจาคและส่งของไปให้ผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ทั้งที่ศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า และดินแดง รวมถึงสำนักงานเขต 50 เขต โดยเช้านี้ส่งไปแล้ว 2 คันรถ โดย ณ เวลา 13.45 น. รวมสิ่งของบริจาคทั้งหมด 80,000 ชิ้น

สำหรับสถานการณ์หลังน้ำท่วม สิ่งของที่ต้องการมากคืออุปกรณ์ทำความสะอาด ซึ่งวันนี้ยังมีรถขนของบริจาคอีก 4 คันที่รอสแตนด์บายพร้อมออกไปส่งของบริจาคยังสภากาชาดไทย ขอบคุณน้ำใจของชาวกรุงเทพฯ และชาวไทยทุกคน

นายชัชชาติ เผยต่อไปว่า เช้าวันนี้ กทม. มีการประชุมเพื่อทบทวนแผนรับมือภาวะวิกฤติ โดยศึกษาข้อมูลของพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่มีปริมาณฝนตกมากว่า 600 มิลลิเมตร (มม.) ในช่วง 3 วัน สำหรับ กทม. อดีตที่ผ่านมาเคยมีฝนตกมากที่สุดเกือบ 300 มม. ในช่วงเวลา 3 วัน แต่ไม่เท่า อ.หาดใหญ่ เราจึงทบทวนแผนการรับมือของ กทม. โดยได้สั่งการ 6 ข้อ

1. ทำแบบจำลองสถานการณ์และทบทวนแบบจำลองที่มี เพราะหัวใจคือการนำข้อมูลกับการพยากรณ์อากาศใส่ในแบบจำลอง ปัจจุบันเรามีการพยากรณ์ฝนที่ละเอียดขึ้นและพัฒนาร่วมกับแผนที่ภูมิศาสตร์เพื่อจะได้กำหนดจุดที่อาจมีน้ำท่วมรุนแรงได้ ทั้งนี้ การมีแบบจำลองที่ถูกต้องก็จะทำให้เราเตือนภัยได้ดีขึ้น

...

2. ทบทวนระบบเตือนภัยแจ้งเหตุ เนื่องจาก กทม. คงไม่มีการอพยพเหมือนต่างจังหวัด เพราะว่าเราหาพื้นที่ให้ประชาชนอยู่ได้ลำบาก การอพยพจึงทำเฉพาะพื้นที่ที่จำเป็น เช่น อาคารเตี้ย แต่ผู้อาศัยในคอนโดมิเนียมสูง ต้องให้อยู่ในพื้นที่ แจ้งเตือนให้เตรียมเสบียง และทบทวนการเตือนภัยให้สอดคล้องกับแบบจำลองยิ่งขึ้น

3. ให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตรวจเช็กและจัดระเบียบรายการอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีสำหรับใช้กู้ภัย รวมถึงประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเมื่อเกิดเหตุสามารถนำไปใช้ได้อย่างเป็นระบบ

4. จัดลำดับผู้บัญชาการเหตุการณ์และการสั่งการตามระดับความรุนแรงของเหตุการณ์ โดยเรื่องนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทวิดา กมลเวชช ซึ่งได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว

5. เตรียมแผนระยะยาวในการป้องกันน้ำ ซึ่ง กทม. มีต่อเนื่องอยู่หลายโครงการ เช่น อุโมงค์ระบายน้ำ แต่ให้ทบทวนว่าต้องเพิ่มเติมอะไรหรือไม่

6. บูรณาการภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วหากเกิดเหตุขึ้น จะสามารถดำเนินการได้ครบทุกมิติ

ผู้ว่าฯ กทม. ระบุในช่วงท้ายว่า “เหตุการณ์ที่หาดใหญ่ถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ ปริมาณฝนที่ตกมากขนาดนี้ หากเกิดขึ้นที่ กทม. คาดว่าจะมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก จึงถือโอกาสทบทวนแผนของ กทม. เพื่อเตรียมพร้อมและปรับปรุงแผนสำหรับอนาคต และขอส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวหาดใหญ่ รวมถึงเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัยในหลายจังหวัดทางภาคใต้ หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและเข้าสู่การฟื้นฟูต่อไป กทม. พร้อมสนับสนุนความช่วยเหลือ”