รัฐสภา เห็นด้วย ให้อาจารย์มหาวิทยาลัยเข้ามานั่งเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญได้ ขณะที่ กมธ.ฝั่งเพื่อไทย แย้งอาจเลือกปฏิบัติ ด้าน สว.นันทนา จี้บรรจุพวกทำรัฐประหารลงในลักษณะต้องห้ามด้วย
วันที่ 10 ธันวาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ในวาระ 2
ภายหลังจากประธานรัฐสภา ได้สั่งพักการประชุม 20 นาที จากนั้นได้กลับมาพิจารณาต่อในมาตรา 256/4 ในเรื่องเพิ่มข้อยกเว้นเรื่องลักษณะต้องห้าม เพิ่มถ้อยคำเรื่องข้าราชการประจำ ลูกจ้าง ไม่ใช้บังคับกับผู้สอนในอุดมศึกษาหรือผู้วิจัยในหน่วยงาน
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย กล่าวสงวนคำแปรญัตติเรื่องลักษณะต้องห้ามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคืออาจารย์ที่สอนในมหาวิทยาลัยของรัฐ สามารถมาสมัครเป็นกรรมาธิการได้ ตนเองไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก ที่มีการห้ามข้าราชการ ลูกจ้างท้องถิ่น เพราะแม้แต่ สส. ก็มีลักษณะต้องห้าม ไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปข้องเกี่ยวกับข้าราชการ เพราะเป็นไปตามหลักการแบ่งแยกอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร แต่ทั้ง 2 ฝ่าย กำลังเอาอำนาจมาปนกันอย่างชัดเจน อีกทั้งคนที่จะมาเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ต้องเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ต้องไม่ถูกครอบงำ ชี้นำ และต้องมีความเป็นอิสระ แม้ข้าราชการจะมีความอิสระ แต่มีต้นสังกัดที่มีระเบียบต้องปฏิบัติงานอยู่
“รัฐสภาต้องถือเป็นเรื่องหลัก เพราะเรากำลังขอให้ 35 คน มากำหนดชะตากรรมของประเทศ ซึ่งที่ตนเองกำลังอภิปรายอยู่ในขณะนี้ กราบเรียนท่านประธานที่เคารพ รายชื่อทั้ง 35 คนอยู่ในสมองของคนยกร่างเรียบร้อยแล้ว ยิ่งไประบุชัดว่าต้องการอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเข้ามาแต่คนอื่นไม่ให้ มันหมายความว่าอย่างไร เพราะเป็นการละเมิดสิทธิของคนอื่น แต่ให้สิทธิกับอีกคนในฐานะที่เป็นข้าราชการเหมือนกัน เขียนเพื่ออะไร เขียนเพื่อให้คนของตัวเองเข้ามาหรือไม่”
...
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า เราไม่ควรไปละเมิดหลักการ โดยจะเว้นให้ใครคนใดคนหนึ่ง ข้อโจมตีจะมีเยอะมาก รัฐสภาชุดนี้ต้องรับผิดชอบ ตนเองจึงไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างมาก

ต่อมานายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่าในร่างเดิมไม่มีการห้ามข้าราชการที่จะมาเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อร่างเดิมเป็นเช่นนี้ กลายเป็นว่าหน่วยงานต้นสังกัด ไม่อนุญาตให้ออกมาทำหน้าที่และกระทบต่อหน้าที่การงาน ทางกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่จึงตัดออกและเพิ่มคำว่าเคยเป็นข้าราชการแทน แต่แก้อาจารย์มหาวิทยาลัยเข้ามาได้ เพราะเชื่อว่ามีความรู้ความสามารถ แต่ตนเองอยากให้ระมัดระวังว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
ด้านนางนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ขอแปรญัตติในส่วนของลักษณะต้องห้ามที่จะมาเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องระบุคุณสมบัติให้ชัดเจน โดยเรื่องของคนที่ทำรัฐประหาร เพราะเจตจำนงคนเหล่านี้ชัดเจนว่าไม่ต้องการปกป้องระบอบประชาธิปไตย และหลักการต้องเป็นหลักการว่า เราต้องไม่สนับสนุนคนที่มีแนวคิดเผด็จการ ให้มาร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด จึงยืนยันว่าการบรรจุลงไปไม่เสียหาย หากมีข้อโต้แย้งสามารถนำมาพิจารณาเป็นรายกรณีได้

ขณะที่นายปรีติ เจริญศิลป์ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก กล่าวชี้แจงว่าในอดีตก็เคยมีอาจารย์มหาวิทยาลัย เข้ามายกร่าง อาทิ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และอาจารย์มหาวิทยาลัยมีความเป็นอิสระกว่าหน่วยงานอื่นๆ หากไม่มีการยกเว้นให้บุคคลเหล่านี้เข้ามา หรือไม่มีการแก้ไขจะเป็นการเลือกปฏิบัติมากกว่า พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ แม้ไม่บรรจุในคุณสมบัติ แต่หากมาสมัครเมื่อไหร่ เชื่อว่าไม่มีใครเลือก โดยเฉพาะ สส. จากพรรคประชาชน จะไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว
ด้าน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่ามาตรา 256/4 ในวงเล็บ 12 และ 13 มีเจตนาไม่ให้ข้าราชการเข้ามายกร่าง หากมีการเขียนคลุมเครือจะเป็นการตีความละเมิดสิทธิ ดังนั้นจะโทษคนสมัครไม่ได้ ต้องโทษคนเลือก และ สส. สว. เกือบ 700 คน ต้องไปหยิบคน 20 คนมาให้ดีที่สุด เพื่อมาจัดทำรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด
ต่อมานายชูศักดิ์ กล่าวชี้แจงว่าในยุคของการรัฐประหารมีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขึ้นมา ไม่ห้ามข้าราชการ จึงมีการรับเงินเดือนสองทางร่ำรวยไปหมด ที่มาจากผลพวงรัฐประหาร จึงลามมาถึงการห้ามอาจารย์ในมหาวิทยาลัยด้วย แม้เพื่อไทยจะเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย แต่ยืนยันว่าพวกเรามีสมอง
ทั้งนี้ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก ในเรื่องเพิ่มข้อยกเว้นเรื่องลักษณะต้องห้าม เพิ่มถ้อยคำเรื่องข้าราชการประจำ ลูกจ้าง ไม่ใช้บังคับกับผู้สอนในอุดมศึกษาหรือผู้วิจัยในหน่วยงาน ด้วยมติ 519+2 ไม่เห็นด้วย 1 งดออกเสียง 9 จากนั้นเข้าสู่การพิจารณาในมาตรา 256/5 ต่อ