“ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย โชว์วิชั่นคิดใหม่พาไทยสู่ประเทศรายได้สูง ในกิจกรรม YPP Dialogue ครั้งที่ 3 ชงไอเดียร์ครูแนะแนวดิจิทัลพาเด็กสู่เป้าหมาย


วันที่ 20 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ที่พรรคเพื่อไทย กลุ่ม Pheu Thai Young Professionals Program (YPP) หรือโครงการส่งเสริมทักษะทางการเมืองสำหรับคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย ได้จัดกิจกรรม YPP Dialogue ครั้งที่ 3 ภายใต้หัวข้อ “นโยบายความมั่นคง และนโยบายการพัฒนากำลังคน” ให้สมาชิก PTP Academy รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์ และข้อเสนอเชิงนโยบาย โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต้อนรับ พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์เบื้องหลังการทำงานด้านความมั่นคง ภาพรวมสถานการณ์ ปัญหา และความท้าทายในการขับเคลื่อนนโยบายความมั่นคงในฉบับพรรคเพื่อไทย

จากนั้น นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา โดยถ่ายทอดวิสัยทัศน์ที่เชื่อมโยงระหว่าง “การศึกษา-อุตสาหกรรม-เศรษฐกิจ” มีเนื้อหาสรุปว่า ประเทศไทยในปัจจุบันเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนเกินกว่าจะแก้ด้วยมิติเดียว ทั้งเรื่องค่าเงิน เทคโนโลยีดิสรัปชัน และกติกาโลกใหม่ด้านสิ่งแวดล้อม ที่กำลังเปลี่ยนบทบาทของกระทรวงอุดมศึกษาฯ เป็นกระทรวงเศรษฐกิจอย่างเต็มตัว การพัฒนากำลังคนจึงต้องเปลี่ยนจากเพียงแค่การเรียนการสอน ไปสู่การสร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรม เราต้องกล้าคิดใหม่แบบยักษ์ เป้าหมายคือการพาประเทศไทยไปสู่ประเทศรายได้สูง ใช้กระบวนการออกแบบหลักสูตรย้อนกลับเพื่อดูว่าอุตสาหกรรมเป้าหมายต้องการคนแบบไหน แล้วออกแบบบทบาทของสถาบันอาชีวะศึกษาและมหาวิทยาลัยให้ตอบโจทย์นั้น ต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิจัยให้กล้าที่จะล้มเหลวได้อย่างสุจริต เปิดโอกาสให้ทุกคนก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดของสังคมได้ไม่ว่าเขาจะเกิดที่ไหนก็ตาม

...

สำหรับการยกระดับมหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษา นายยศชนัน เสนอให้ปรับเปลี่ยนโมเดลการเรียนรู้ให้เป็นแบบทุกช่วงวัย ผ่านระบบธนาคารหน่วยกิต สามารถสะสมและโอนย้ายหน่วยกิตได้ตามมาตรฐานสากล เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ดาต้าเซ็นเตอร์ เทคโนโลยีชีวภาพและการแพทย์ ยานยนต์ไฟฟ้าและการซ่อมบำรุงทางน้ำ และเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ส่วนปัญหาเชิงระบบของการวิจัยในปัจจุบัน เพื่อลดความล่าช้าและขั้นตอนเอกสารที่ซับซ้อน ควรใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการงวดงานและเงื่อนไขการเบิกจ่ายให้รวดเร็วขึ้น และควรมีมาตรการดึงดูดและรักษาบุคลากรทักษะสูง ทั้งไทยและต่างประเทศ ผ่านรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น การให้คนที่มีความสามารถพิเศษ (Talent) ที่อยู่ต่างประเทศสามารถร่วมเป็นโค้ชหรือเมนเทอร์ในโครงการสำคัญของไทยได้ รวมถึงการพัฒนาครูแนะแนวดิจิทัล (Personalized Guidance) ที่ใช้ฐานข้อมูลอาชีพและเส้นทางสกิล มาช่วยให้เด็กและเยาวชนมองเห็นขั้นตอนที่ชัดเจนในการก้าวไปสู่งานเป้าหมายในอนาคต.