Toyota GR GT การกลับมาของซูเปอร์คาร์ V8 เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง สร้างขึ้นเพื่อแข่งกับ Mercedes-AMG GT เปิดตัวที่สนามแข่งรถฟูจิ สปีดเวย์ มาพร้อมฝากระโปรงหน้าที่ยาว รูปทรงแบนยาวและต่ำเตี้ย Toyota บอกว่า รูปลักษณ์ของ GR GT ได้รับแรงบันดาลใจจาก Toyota 2000GT สปอร์ตคลาสสิกและ Lexus LFA โดยได้รับคำแนะนำจากอดีตวิศวกรของ LFA ในการขัดเกลาเรือนร่างให้ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์
Toyota GR GT จะเปิดตัวพร้อมราคาอย่างเป็นทางการประมาณช่วงต้นปี 2027 (2570)


...




GR GT ใช้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร จับคู่กับระบบ Mild Hybrid 48V เพื่อการส่งกำลังที่นุ่มนวล Toyota อ้างว่ามันมีกำลัง 641 แรงม้า (650 แรงม้า) และแรงบิด 850 นิวตันเมตร และอาจมีตัวเลขที่สูงกว่านั้นจากการปรับจูนเพื่อใช้งานในสนามแข่ง น้ำหนัก 1,750 กิโลกรัม คาดว่าจะทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4 วินาที และความเร็วสูงสุดมากกว่า 320 กม./ชม. Toyota GR GT มาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ ใช้อะลูมิเนียมเป็นชิ้นส่วนหลักของช่วงล่างทั้งหมด เบรก Brembo จานคาร์บอนเซรามิก ยางซูปเปอร์สปอร์ตซอฟคอมปาว์ด Michelin Cup 2 และอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า-หลัง 45:55 เพื่อการควบคุมที่เฉียบคม นั่นหมายถึงเงินมหาศาลในขั้นตอนของการพัฒนาซึ่งหลักๆแล้วอยู่ในยุโรป
ที่สำคัญ GR GT ไม่ใช่รุ่นพิเศษที่ผลิตจำนวนจำกัด Toyota วางแผนที่จะขายรถซูปเปอร์สปอร์ตรุ่นนี้ ในฐานะซูเปอร์คาร์ V8 ที่ผลิตทั้งการใช้งานบนถนนและสำหรับทีมแข่งขัน โดยมีราคาที่สูสีกับ AMG GT

...
จุดศูนย์ถ่วงต่ำ น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง และสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์ GR GT คือรถสปอร์ตเรือธงรุ่นใหม่ของ TGR พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นรถแข่งที่สามารถวิ่งบนท้องถนนได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตอกย้ำปรัชญาของ TGR ในการสร้างรถยนต์สำหรับมอเตอร์สปอร์ต สำหรับ GR GT3 รถแข่งรุ่นใหม่ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ GR GT สเปค FIA GT3 ออกแบบมาเพื่อทีมแข่งที่ต้องการคว้าชัยชนะในการแข่งขัน ทั้งสองรุ่นที่เปิดตัว นำเทคโนโลยีและวิธีการผลิตใหม่ มาใช้ โครงตัวถังอะลูมิเนียมล้วนรุ่นแรกของ Toyota เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร

GR GT และ GR GT3 สะท้อนปรัชญาของ TGR ในการสร้างรถยนต์สปอร์ตที่เหนือชั้น การพัฒนา GR GT เริ่มต้นจาก แนวทางการทำงานแบบทีมเดียว โดยมีประธาน TMC อากิโอะ โตโยดะ หรือ โมริโซะ และนักขับมืออาชีพ ทัตสึยะ คาตาโอกะ, ฮิโรอากิ อิชิอุระ และนาโอยะ กาโมะ นักขับผู้มากประสบการณ์ ไดสุเกะ โตโยดะ และนักขับประเมินผลทำงานร่วมกันกับวิศวกร GR GT โดยให้ความสำคัญกับผู้ขับ ทำความเข้าใจ และตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่
...
GR GT และ GR GT3 วางตำแหน่งเป็นรถเรือธงตามรอย Toyota 2000GT และ Lexus LFA การอนุรักษ์และถ่ายทอด "สูตรลับของการผลิตรถยนต์" สู่คนรุ่นต่อไปในฐานะ "ชิกิเน็น เซ็นกุ" ของ Toyota ทั้งสองรุ่นนี้เป็นผลมาจากข้อมูลของรถ Lexus LFA การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เพื่อยกระดับสมรรถนะของร รับมือกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

GR GT แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยึดหลักผู้ขับ พร้อมสมรรถนะการขับขี่ระดับสู สร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้ขับขี่และรถ GR GT มาพร้อมระบบไฮบริด เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว กำลังสูงสุดของระบบ 650 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตรขึ้นไป (ค่าเป้าหมายการพัฒนา) พร้อมองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ จุดศูนย์ถ่วงต่ำ น้ำหนักเบา และสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์
จุดศูนย์ถ่วงต่ำ การลดความสูงโดยรวมของรถและตำแหน่งของผู้ขับให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นำระบบส่งกำลัง แบบเครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลังมาใช้ เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุ จุดศูนย์ถ่วงของชิ้นส่วนหลัก เช่น เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4 ลิตร พร้อมระบบหล่อลื่น dry-sump lubrication เกียร์ทรานแอกเซิลที่ติดตั้งด้านหลังอยู่กับเฟืองท้าย จุดศูนย์ถ่วงของทั้งผู้ขับขี่และตัวรถเชื่อมโยงกันทั้งหมด โดยมุ่งเน้นตำแหน่งการขับที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันและควบคุมรถได้อย่างคล่องตัว
...

วัสดุมวลเบาแต่มีความแข็งแกร่งสูง เป็นองค์ประกอบสำคัญประการที่สอง GR GT ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมล้วน มีการนำเอาพลาสติกเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) และวัสดุอื่นๆ มีใช้ในส่วนของแผงตัวถัง ทำให้ตัวถังมีความแข็งแรง น้ำหนักเบา

การออกแบบของ GR GT พัฒนาภายใต้แนวคิด "อากาศพลศาสตร์ต้องมาก่อน" ด้วยความเร็วสูงสุดกว่า 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ GR GT สมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์จึงเป็นหนึ่งในข้อกังวล GR GT จำเป็นต้องได้รับการทบทวนกระบวนการใหม่ วิศวกรด้านอากาศพลศาสตร์ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนารถยนต์สำหรับการแข่งขัน FIA WEC ได้เข้าร่วมทีมพัฒนา GR GT และได้หารืออย่างละเอียดกับนักออกแบบรถยนต์ นำไปสู่การสร้างแพ็คเกจรถยนต์โดยรวมโดยอิงจาก "แบบจำลองอากาศพลศาสตร์" ซึ่งเป็นข้อเสนอของทีมออกแบบด้านอากาศพลศาสตร์สำหรับรูปทรงที่สมบูรณ์แบบ หลังจากนั้น นักออกแบบภายนอกจึงได้จัดทำแบบร่างการออกแบบโดยคำนึงถึงการผลิตจำนวนมาก และในที่สุดก็นำไปสู่ขั้นตอนการออกแบบขั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นกระบวนการที่ตรงกันข้ามกับแนวทางปกติ



ภายในของ GR GT เน้นที่ตำแหน่งการขับขี่และทัศนวิสัยเหนือสิ่งอื่นใด เพื่อให้ได้ดีไซน์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ทั้งมืออาชีพและสุภาพบุรุษ รวมถึงการขับขี่ในสนามแข่งและการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตำแหน่งการขับที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกแบบภายใน ด้วยการมองเห็นที่เพียงพอและความรู้สึกปลอดภัย มีสวิตช์ควบคุมการขับขี่ติดตั้งอยู่ใกล้กับพวงมาลัย และจัดวางตำแหน่งและรูปทรงให้ใช้งานง่าย เพื่อความสะดวกในการมองเห็นในขณะขับขี่ในสนามแข่ง ตำแหน่งของมาตรวัด จึงมีความสำคัญอย่างมาก พิจารณาจากความกว้าง ความสูง และตำแหน่งของจอแสดงผลข้อมูล เช่น ไฟแสดงการเปลี่ยนเกียร์และการเลือกเกียร์ ผ่านกระบวนการลองผิดลองถูกมากมายจนได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์


เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตรของ GR GT เป็นเครื่องยนต์รุ่นแรกของ TMC ที่ติดตั้งในรถยนต์ที่ผลิตจริง พัฒนาขึ้นจากแนวคิดการออกแบบที่ “กะทัดรัดและน้ำหนักเบา” เพื่อให้ได้ “ความสูงโดยรวมที่ต่ำและจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ” ขนาดกระบอกสูบและช่วงชักที่ 87.5 มิลลิเมตร x 83.1 มิลลิเมตร ระยะชักที่สั้นของเครื่องยนต์ ช่วยลดความสูงโดยรวมของตัวเครื่อง โครงสร้างแบบ Hot V วางตำแหน่งเทอร์โบสองตัวอยู่ในแต่ละแถวของเครื่องยนต์ ติดตั้งระบบหล่อลื่นแบบอ่างน้ำมันแห้งและอ่างน้ำมันเครื่องที่บางกว่าปกติ กำลังของเครื่องยนต์ ถูกส่งไปยังชุดขับเคลื่อนด้านหลังผ่านท่อแรงบิด หรือเพลากลางที่ทำจาก CFRP นอกจากมอเตอร์-เจเนอเรเตอร์แล้ว ชุดขับเคลื่อนยังผสานรวมระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่พัฒนาขึ้นใหม่ ใช้คลัตช์สตาร์ทแบบเปียกแทนทอร์กคอนเวอร์เตอร์ เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป
ป้าหมายการพัฒนาสำหรับกำลังสูงสุดของระบบคือ 650 แรงม้าหรือมากกว่านั้น แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตรหรือมากกว่า ใช้ชุดขับเคลื่อนด้านหลังและการจัดวางตำแหน่งที่เหมาะสมของแบตเตอรี่ ถังน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบเกียร์ที่อยู่ติดกับเฟืองท้ายที่ด้านหลังและส่วนประกอบหนักอื่นๆ ส่งผลให้มีการกระจายน้ำหนักจากด้านหน้าไปด้านหลังในอัตราส่วน 45:55 ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรในการควบคุมรถ




การพัฒนาระบบส่งกำลัง ผ่านการใช้โปรแกรมจำลองการขับขี่สำหรับการพัฒนารถแข่งและทดสอบระบบส่งกำลังโดยคำนึงถึงการจัดการกับความร้อน ตำแหน่งการติดตั้ง และความสะดวกในการซ่อมบำรุง การพัฒนามีความสอดคล้องกับกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษที่เข้มงวด GR GT3 ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4 ลิตร ซึ่งส่วนประกอบโครงสร้างหลายชิ้นใช้ร่วมกันกับเครื่องยนต์ของ GR GT
GR GT มีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ การพัฒนาด้าน Acoustics มุ่งเน้นไปที่สองเสาหลัก ได้แก่ การสร้างเสียงที่เอื้อต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับรถ และการสร้างเสียงที่ถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงของพลังงานความร้อน โครงสร้างของท่อไอเสีย ออกแบบใหม่หมดเพื่อสร้างเสียงที่สอดคล้องกับรอบเครื่องยนต์

จุดเด่นที่ทำให้ GR GT มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง คือ โครงตัวถังอะลูมิเนียม ความแข็งแกร่งเกิดจากการวางชิ้นส่วนอะลูมิเนียมหล่อขนาดใหญ่ไว้ในโครงสร้างหลัก รวมถึงการจัดวางชิ้นส่วนอะลูมิเนียมอัดขึ้นรูปและส่วนประกอบอื่นๆ อย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อขั้นสูง แผงตัวถังทำจากอะลูมิเนียมและ CFRP

ระบบกันสะเทือนมาพร้อมระบบปีกนกคู่แบบติดตั้งต่ำที่ออกแบบใหม่ พร้อมปีกนกอะลูมิเนียมขึ้นรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จุดเด่นของระบบรองรับได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหม มุ่งไปที่การตอบสนองเชิงกลที่ว่องไว ตรงไปตรงมาและให้ความมั่นคงในการควบคุมรถที่ย่านความเร็วสูง ตั้งแต่การใช้งานในชีวิตประจำวันไปจนถึงการขับในสนามแข่ง ยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับ GR GT นับตั้งแต่ช่วงแรกของการพัฒนา การออกแบบระบบช่วงล่าง ยาง Cup2 เกิดจากความร่วมมือของนักขับอาชีพ การทดสอบและประเมินผลจากเครื่องจำลอง ช่วยให้นักขับสามารถโต้ตอบกับรถได้อย่างราบรื่นบนสนามแข่ง บนถนนที่คดเคี้ยว และถนนสาธารณ

เบรกใช้จานเบรกคาร์บอนเซรามิกของ Brembo ระบบควบคุมพฤติกรรมของรถขณะเบรค พัฒนาร่วมกับนักขับมืออาชีพ ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถ (Vehicle Stability Control) ของ GR GT สามารถปรับแรงขับเคลื่อนและการควบคุมการเบรกได้หลายระดับแบบอัตโนมัติ สามารถเลือกระดับความยากในการควบคุมรถได้ตามทักษะการขับขี่และสภาพอากาศ ระบบนี้ยังถูกนำมาใช้ในรถแข่ง Nürburgring 24 ชั่วโมงของ TGR และเป็นตัวอย่างเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต โครงสร้างพื้นฐานของแชสซีส์อะลูมิเนียมแบบสเปซเฟรมและระบบช่วงล่างแบบปีกนกคู่หน้าและหลังยังได้รับการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ส่วนประกอบต่างๆ ร่วมกันกับ GR GT3.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/