หลังจากทำธุรกิจขายรถยนต์ในไทยได้แค่ปีเดียว OMODA & JAECOO ก็มีอัตราเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นทำตลาดได้ดี แม้จะมีสงครามราคาที่ต้องแข่งขันกับแบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่ร่วมสัญชาติมังกร แต่ยอดขายที่ดี ทำให้แบรนด์ OMODA & JAECOO ติดอันดับ 1 ใน 5 ด้านยอดขายที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก สำหรับประเทศไทย แน่นอนว่า ราคาของ J5 EV และ J6 ที่มีทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่นพิเศษ J6T ปรับมาเป็นพิเศษเพื่อการแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าของเพื่อนร่วมชาติ ราคาไม่ถึง 6 แสนบาท ทำให้คนที่กำลังเล็งรถยนต์ไฟฟ้ามาลองใช้ถึงกับหนีไม่ออกเมื่อเทียบส่วนต่างด้านออปชัน อุปกรณ์ ระยะทาง และความคุ้มค่า


...




ต้องยอมรับว่าการควบคุมราคาชิ้นส่วนที่ผลิตโดยซับพลายเออร์จีนนั้นทำให้แต่ละแบรนด์สามารถงัดกลยุทธ์ด้านราคามาเป็นตัวโน้มน้าวลูกค้าใหม่ได้ นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว แบรนด์ OJ ยังมีรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในพลังงานผสมที่วิ่งได้ไกลลิบถึง 1,100 กิโลเมตร อย่าง JAECOO 7 SHS การรุกตลาดด้วยกลไกราคาถือเป็นกลยุทธ์หลัก จากการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทแม่ที่ประเทศจีน ให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทยมากยิ่งขึ้นและพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในทุกด้าน โดยเฉพาะการบริการหลังการขาย

...
เซดริก ชุย ประธาน OMODA & JAECOO (ประเทศไทย) และ บิล จาง ผู้อำนวยการ OMODA & JAECOO (ประเทศไทย) เปิดเผยกับสื่อมวลชนในการให้สัมภาษณ์ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป วันสื่อมวลชนว่า การออกสตาร์ตสำหรับประเทศไทย ถือว่าประสบความสำเร็จ ใช้เวลาแค่ 1 ปี สร้างแบรนด์และผลักดันยอดขายได้ตามเป้า มีการนำผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่ตรงใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะ JAECOO 5 EV มียอดจองแล้วกว่า 6,000 คัน โดยมีการทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า คาดว่า JAECOO 5EV น่าจะทำยอดขายเมื่อสิ้นปี 2568 ได้มากกว่า 8,000คัน ขณะนี้ส่งมอบแล้วกว่า 3,000 คัน ประเทศไทยได้รับการยอมรับอย่างมากจากบริษัทแม่ที่ประเทศจีน โดยมีการส่งผู้บริหารระดับสูงและทีมงานผู้เชี่ยวชาญในทุกด้านมาประจำที่ประเทศไทยเพื่อมาศึกษาข้อมูลและพร้อมแก้ไขปัญหาในทุกด้านอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านบริการหลังการขาย, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงต่อความต้องการของคนไทยโดยเฉพาะราคาที่สมเหตุผล”

...

เป้าหมายยอดขายของ OMODA & JAECOO ในปีนี้ เดิมตั้งเอาไว้ที่ 7,000 - 8,000 คัน แต่ปัจจุบัน 10 เดือน (มกราคม - ตุลาคม) OMODA & JAECOO มียอดส่งมอบไปแล้วกว่า 12,000 คัน คาดว่าสิ้นปี 2568 นี้ จะมียอดขายรวมอยู่ที่ 14,000 คัน ล่าสุดมีการประกาศแผนการขยายเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการ (โชว์รูม) 30 แห่ง แต่ปัจจุบัน ณ เดือนตุลาคม 2568 OMODA & JAECOO มีโชว์รูมอยู่ที่ 80 แห่ง

...


ปี 2569 OMODA & JAECOO ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้อยู่ที่ 26,000 คัน พร้อมแผนการขยายเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการเพิ่มขึ้นเป็น 120 แห่งทั่วประเทศ โดยศึกษาความสำเร็จจากยอดขายของ JAECOO 5 EV ด้วยการตั้งราคาที่มีความสมเหตุสมผล ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลองหันมาใช้ยานยนต์ของ OMODA & JAECOO ในอนาคตอันใกล้ การพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง และระบบความบันเทิง รวมถึงบริการพิเศษ จะมีความรุดหน้ามากยิ่งขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานยายนต์พลังงานสะอาดให้กับลูกค้าชาวไทย

อีกสามเดือนคาดว่า โรงานของ OMODA & JAECOO ในไทยน่าจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ โดยมีการวางแผนเริ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่โรงงานในประเทศไทยประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2569 นี้ ด้วยกำลังการผลิตขั้นแรกที่ตั้งไว้ประมาณ 80,000 คันต่อปี มีการเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV 3.5) ของภาครัฐ คาดว่าตั้งแต่ปี 2569 OMODA & JAECOO ต้องเริ่มผลิตชดเชยในปริมาณรวมอยู่ที่ 28,000 - 30,000 คัน โดยในปีหน้า มุ่งเน้นการพัฒนาความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ครอบคลุมทั้งรถไฟฟ้า BEV (Battery Electric Vehicle) 5 รุ่น โดยผลิตในประเทศ 2 รุ่นและนำเข้า 3 รุ่น, REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 1 รุ่น, HEV (Hybrid Electric Vehicle) 1 รุ่น และ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) อีก 2 รุ่น


ต้นปีหน้าในช่วงไตรมาสแรก OMODA & JAECOO จะเริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์จากโรงงานประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง บนพื้นที่ 104 ไร่ มูลค่าการลงทุนที่วางแผนไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 รุ่นด้วยกันได้แก่ JAECOO 6 EV, JAECOO 5 EV และ OMODA C5 EV โดยมีกำลังผลิต 80,000 คัน ต่อปี นับตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไปซึ่งจะรวมทั้ง 3 แบรนด์ใน CHERY GROUP
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/