“ภูผา นพวิชญ์” ว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. เตือนรับมือวิกฤติ PM 2.5 ชี้ปรากฏการณ์ “ฝาชีครอบ” ทำกรุงเทพฯ อ่วม แนะรัฐบาลสานต่อ 5 ยุทธศาสตร์ปราบฝุ่นฉบับเพื่อไทย ดันอากาศสะอาด คืนสิทธิพื้นฐานของคนไทย


วันที่ 6 ธันวาคม 2568 นายนพวิชญ์ ไทยแท้ หรือ ภูผา ผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.กทม. เขต 12 (แขวงออเงิน ท่าแร้ง จรเข้บัว) พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กลับมาวิกฤติอีกครั้ง โดยชี้ให้เห็นถึงอันตรายจากปรากฏการณ์ Temperature Inversion หรือ “ฝาชีครอบ” พร้อมเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งสานต่อและขยายผล 5 นโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยได้วางรากฐานไว้ เพื่อคืนลมหายใจที่สะอาดให้คนไทยโดยไม่ต้องรอเริ่มนับหนึ่งใหม่

นายนพวิชญ์ ระบุว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองในกรุงเทพมหานครขณะนี้ทวีความรุนแรงขึ้นจากสภาพอากาศปิด หรือปรากฏการณ์ฝาชีครอบ ซึ่งเกิดจากอากาศเย็นกดทับอากาศร้อน ทำให้อากาศไม่สามารถลอยตัวขึ้นสู่ที่สูงได้ เปรียบเสมือนมีฝาชีขนาดยักษ์มาครอบกรุงเทพฯ ไว้ ส่งผลให้มลพิษที่ถูกปล่อยออกมาสะสมตัวหนาแน่นในระดับการหายใจ ไม่ต่างจากการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ในห้องที่ปิดสนิท แม้ปัจจัยทางธรรมชาติจะเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่การบริหารจัดการต้นตอของฝุ่นควันเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำได้ทันที พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลควรเร่งสานต่อภารกิจปราบฝุ่น ที่พรรคเพื่อไทยได้วางระบบไว้แล้ว 5 ด้าน ดังนี้

ปฏิรูประบบขนส่งสู่ EV : เร่งเปลี่ยนรถโดยสารสาธารณะใน กทม. ให้เป็นรถเมล์ไฟฟ้า ให้ครอบคลุมเพื่อตัดตอนฝุ่นควันจากเครื่องยนต์ดีเซล

...

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย : ใช้กลไกราคาจูงใจให้ประชาชนลดการใช้รถส่วนตัว หันมาใช้รถไฟฟ้าขนส่งสาธารณะ ที่มีการปล่อยมลภาวะน้อยกว่า ซึ่งนอกจากจะช่วยลดฝุ่นแล้วยังช่วยลดค่าครองชีพได้จริง

ผู้นำแก้ปัญหาฝุ่นข้ามพรมแดน : สานต่อยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR Sky) ร่วมกับ ลาว และเมียนมา และออกมาตรการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ภาคเอกชนไทยต้องไม่รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่มาจากการเผา

เกษตร “ไม่เผา เราซื้อ” : เปลี่ยนวิธีการจากจับปรับ เป็นจูงใจ สนับสนุนเครื่องจักรและการแปรรูปเศษวัสดุทางการเกษตรให้เป็นรายได้ แทนการเผาทำลาย

ดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด : เร่งผลักดันกฎหมายแม่บทเพื่อบูรณาการอำนาจในการจัดการปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ รวมศูนย์การทำงาน และสามารถเอาผิดข้ามพรมแดนได้

นายนพวิชญ์ ยังได้ระบุในช่วงท้ายด้วยว่า “แม้เราจะสั่งฟ้าฝนไม่ได้ แต่รัฐบาลสามารถเลือกสานต่อนโยบายที่ใช่ ได้ทันที หากเดินหน้าขยายผลสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง อนาคตที่คนไทยจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด จะไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เป็นความจริงที่เราสร้างร่วมกันได้”