รอง ผบช.สตม. ยืนยัน พร้อมนำตัว 75 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุม กรณีพัวพันสแกมเมอร์ เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย หากมีการประสานมา แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ NRM หรือ คัดแยกเหยื่อ

ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 จากสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาที่ตึงเครียด และกองทัพภาคที่ 1 แจ้งว่ามีคนไทยที่ทำงานในปอยเปต ประเทศกัมพูชา กว่า 100 คน ติดค้างและต้องการเดินทางกลับเข้าประเทศไทย โดยได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองช่วยตรวจคัดกรอง

ล่าสุด พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพร้อมต้อนรับบุคคลสัญชาติไทยทุกคนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย แต่จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ NRM หรือการคัดแยกเหยื่อ ที่จะมีหน่วยงานอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น สำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือ พมจ. สถานีตำรวจท้องที่ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันคัดกรอง ว่าบุคคลดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกระบวนการกระทำผิดกฎหมายใดหรือไม่ มีลักษณะเป็นเหยื่อหรือผู้ต้องหาหรือไม่

อย่างไรก็ตาม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะคัดกรองว่าบุคคลที่ขอเข้าประเทศนั้น ออกจากประเทศไทยข้ามแดนอย่างถูกต้องหรือไม่ หากเป็นการลักลอบออกไปทางช่องทางธรรมชาติ หรือวิธีการที่ผิดกฎหมาย ก็จะต้องนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนกรณีที่สื่อกัมพูชารายงานว่า มีการจับกุมคนไทยที่กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ในกัมพูชาจำนวน 75 คน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่าคนไทยกลุ่มดังกล่าวกระทำความผิดจริง ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายกัมพูชา จากนั้นหากกัมพูชาประสานส่งตัวคนไทยกลุ่มนี้กลับประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงจะเข้าสู่กระบวนการรับกลับทั้งหมด แต่ก็ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบ NRM ตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบว่ามีหมายจับหรือเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ แต่หากกลุ่มคนดังกล่าวไม่ได้กระทำความผิด และต้องการต่อสู้คดีในประเทศกัมพูชา ก็สามารถประสานขอความช่วยเหลือกับสถานเอกอัครราชทูตไทยในกัมพูชาได้ ซึ่งจะมีกระบวนการรองรับช่วยเหลืออยู่แล้ว

...