“เท้ง” ขอโทษ โหวต “อนุทิน” เป็นนายกฯ ชี้เลือกตั้ง 69 เป็นจุดตัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคส้มกับน้ำเงิน หวัง ปชน. ตั้งรัฐบาลดึงประเทศขึ้นจากเหว ลั่นแก้ รธน. สะดุด เพราะคนบางกลุ่มฉุดรั้งประเทศ
วันที่ 19 ธันวาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคประชาชน เปิดใจผ่านรายการ เปิดปากกับภาคภูมิ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี โดยช่วงหนึ่งในรายการถามถึงกรณี ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งคำถามประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญไปให้ กกต. พิจารณา ถือว่าได้ทำตาม MOA แล้วหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ทำตามหรือไม่ทำตามให้ไปถามฝั่งนั้นดีกว่า แต่ถ้าถามตน ให้ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา ที่มีการโหวตกัน เพราะจริงๆ ก่อนหน้านั้นในชั้นกรรมาธิการ มติวิปรัฐบาลที่ออกมายืนยันตามร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมาก เรื่องการที่ต้องไม่มีเสียง ของ สว. 1 ใน 3 แต่สุดท้ายเมื่อถึงวันโหวตจริง กลับไม่เป็นไปตามมติของวิปรัฐบาลเอง เพราะฉะนั้นหากถามตน ก็มองว่า ไม่ได้เป็นไปตามที่คุยกัน

...
ส่วนที่พรรคประชาชนจัดปิกนิก ขอโทษประชาชนเรื่องรัฐธรรมนูญ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เป็นการขอโทษในสิ่งที่ผ่านมา ตั้งแต่การตัดสินใจ โหวตนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงขอโทษที่เราไม่สามารถผลักดันการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้สำเร็จ ตามกรอบ MOA ที่เราได้ตกลงกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าผู้สนับสนุนของพรรคหรือประชาชนทั่วไป ใครที่รู้สึกผิดหวัง ผมในนามหัวหน้าพรรคประชาชนก็น้อมรับในทุกข้อท้วงติง และขอโทษอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา แต่อยากให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่เราตัดสินใจไป เราต้องการทำเพื่อสร้างทางออกให้กับประเทศ เอาผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่เกี่ยวข้องกับคะแนนนิยมของพรรคเราก็เห็นอยู่ และเชื่อว่าการทำงานต่อจากนี้จะทำให้ทุกคนเห็นและเราพยายามกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับมา
เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้ขอโทษแค่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่ขอโทษที่โหวตให้นายอนุทินด้วยใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ บอกว่า ผมขอน้อมรับทุกความคิดเห็นและความรู้สึก การโหวตให้กับนายอนุทิน ตนเองก็ขอโทษในทุกๆ เรื่องที่ทำไปแล้ว แต่ยืนยันว่าทุกการตัดสินใจที่ทำไป ตนไม่ได้คิดคนเดียว ผู้บริหารพรรคไม่ได้คิดกันแค่ไม่กี่คน เพราะเราผ่านกระบวนการถกเถียง พูดคุยกันภายในพรรคเยอะมาก มีการรับฟังเสียงสมาชิกเยอะมากแล้ว แต่เราก็ไม่ได้จะเอาข้ออ้างในผลโหวตตรงนั้นมาเป็นเกราะคุ้มกันการกระทำของเราที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามผู้นำพรรค ผู้บริหารพรรค ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ต่อทุกการกระทำ เพราะฉะนั้นใครที่อยากเรียกร้องให้ขอโทษต่อการโหวตนายอนุทิน ขอโทษในการผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ ตนขอน้อมรับและขอโทษในทุกกรณี

เมื่อถามว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมาได้บอกอะไรกับพรรคประชาชนบ้าง นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่ได้สอนแค่ตน แต่สอนสังคมไทยว่า การเมืองแบบตรงไปตรงมา ทำทุกอย่างแบบโปร่งใส พยายามเอาทุกอย่างมาเขียนให้เห็นเป็นลายลักษณ์อักษร บน MOA มันยังอาจจะทำให้เกิดขึ้นจริงในตอนนี้ไม่ได้ เพราะมีคนบางกลุ่มที่ถืออำนาจอยู่บางส่วนและไม่ได้มาจากประชาชน พยายามฉุดรั้งการเดินหน้าประเทศไว้ พร้อมย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นจุดสำคัญที่อยากให้ทุกคนตัดสินใจเลือกดีๆ เพราะครั้งนี้ไม่มีเสียง สว. แล้ว ดังนั้นเสียงของคุณจะตัดสินหน้าตาของรัฐบาลได้จริง
นายณัฐพงษ์ยังเปรียบเทียบว่า ประเทศไทยเหมือนคนที่ยืนอยู่ตรงปากเหว สิ่งที่เราต้องเลือกคือจะปล่อยให้ประเทศเดินหน้าไปแล้วตกลงเหว หรือตัดสินใจให้ดี ตั้งรัฐบาลของประชาชน ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของประชาชน แล้วดึงประเทศไทยออกมาจากเหว แล้วทำให้ประเทศไทยเดินหน้าได้
ส่วนที่มีคนมองว่า การทำงานการเมืองแบบพรรคประชาชน ซื่อเกินไป เหมือนเด็กอ่อนด้อยประสบการณ์ ผ่านมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จนมาถึงพรรคประชาชน มีภูมิคุ้มกันขึ้นบ้างไหม นายณัฐพงษ์ ระบุว่า อยากให้ทุกคนตัดสินใจเลือกดู ว่าการเมืองที่โปร่งใสตรงไปตรงมา กับการเมืองที่มีเหลี่ยมทางการเมือง พูดอย่างทำอย่าง คิดไปทำไป ถ้าอยากได้แบบแรก เลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นจุดตัดการตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ระหว่างส้มกับน้ำเงิน เพราะดูจากคะแนนความนิยม การรวมขั้วทางการเมือง แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ภารกิจของพรรคประชาชน คือทำอย่างไรให้เราได้เสียงสนับสนุนมากเพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคอันดับ 2 อันดับ 3 ไปรวมเสียงแล้วจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคอันดับ 1 โจทย์ของพรรคประชาชนจึงทำอย่างไรให้การเลือกตั้งเราได้เสียงมากพอ ป้องกันไม่ให้พรรคที่ไม่ได้เป็นอันดับ 1 มาแข่งจัดตั้งรัฐบาลได้
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตนสามารถพูดได้เต็มปากว่า ปัญหาทุนเทา การทุจริตคอร์รัปชัน การจัดการภัยพิบัติที่ล้มเหลว รวมถึงปัญหาชายแดนที่ผ่านมา ครั้งหน้าถ้าพรรคประชาชนไม่ได้ชนะมาเป็นอันดับ 1 ถ้าเราไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยตกเหว เราพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบดีกว่า
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตอนนี้นักการเมืองที่อยู่ในอำนาจ องค์กรที่อยู่ในอำนาจเขาไม่อยากเปลี่ยน เพราะเขาอาจจะมีประโยชน์ทับซ้อน เกี่ยวกับทุนเทา วิธีที่ไม่ให้ประเทศตกเหว มันจึงเหลือทางเดียว คือเอาเสียงประชาชนเป็นตัวตั้ง ทำให้เสียงประชาชนเข้มแข็งมากพอ เมื่อถามว่าต้องได้คะแนนเสียงเท่าไหร่สำหรับพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เราต้องได้รับเสียงที่เข้มแข็งมากเพียงพอ กำกับทิศทางรัฐบาลได้ เราประกาศว่ามีเราไม่มีเทา ถ้าเราได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และมีใครเสนอชื่อรัฐมนตรี ที่มีส่วนพัวพัน มีประวัติไม่ดี เกี่ยวข้องกับเรื่องสีเทา เราในฐานะแกนนำรัฐบาลต้องเลือกได้ ต้องปฏิเสธได้

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มองว่าพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยแข่งกันแน่ มองว่าอันดับ 3 คือใคร นายณัฐพงษ์ ระบุว่า แล้วแต่คนจะวิเคราะห์กัน อาจเป็นพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เมื่อถามย้ำว่า แล้วส้มจับกับแดงไม่ได้เหรอ นายณัฐพงษ์ บอกว่า ขอเราเป็นอันดับ 1 ที่สามารถกำกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ จะจับกับใครได้ไม่ได้ก็ตามแต่ โจทย์ของเราเอาวาระประเทศเป็นตัวตั้ง เอาปัญหาสีเทาออกจากระบบการเมือง หากเรามองย้อนไปดูที่ผ่านมาปัญหาของการแก้ไขเศรษฐกิจของประเทศ คือ เราใช้วิธีการเลี้ยงไข้ พี่น้องเกษตรกร เราขาดความจริงใจแก้ปัญหาระยะยาว ใช้นโยบายระยะสั้นเพื่อหวังผลคะแนนเสียงหรือไม่ แล้วเราก็เห็นแล้วว่า การแจกเงินหมื่น ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจเติบโต เงินไม่ได้หมุนเวียนในประเทศ เห็นแต่โรงงานปิดลง แต่ภาคการผลิตย่ำแย่ เป็นการเลี้ยงไข้ ให้เงิน เมินโลก มองแต่ตัวเองมากเกินไป เชื่อว่าไม่มีผู้นำคนใดคนหนึ่งมาแก้เศรษฐกิจได้ จำเป็นต้องมีรองนายกฯ 1 คน ดูภาพรวมการทำงานในหลายกระทรวงพร้อมๆ กัน เราจึงพยายามเสนอทางออกประเทศให้ประชาชนเห็น นอกจากการเมืองไม่เทา ทีมบริหารประเทศต้องเข้มแข็งด้วย
เมื่อถามย้ำว่าพรรคประชาชนหวั่นใจใช่ไหมว่าจะไม่มีใครมาจับมือด้วย นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ตอนนี้เหลือทางรอดเดียว เพราะถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ เราเดินทางมาหลายเหตุการณ์ทั้งโดนยุบพรรค ทั้งเรื่องที่นายพิธา ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้เราแสดงความจริงใจ ตรงไปตรงมาทางการเมือง เซ็น MOA เพื่ออยากให้เดินหน้ากระบวนการทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะตราบใดที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองได้ เลือกตั้งอีกกี่ครั้ง โดยเฉลี่ย นายกฯ ก็จะอยู่แค่ 1 ปีเศษ แล้วเราจะแก้ไขปัญหาใหญ่ของประเทศได้อย่างไร เราจึงเสนอทางออกประเทศ พยายามปลดล็อกเงื่อนไข วิกฤตการเมืองที่ยึดโยงรัฐธรรมนูญ แต่ยังผลักดันไม่สำเร็จเพราะมีคนบางกลุ่ม ฉุดรั้งประเทศไว้อยู่