“อภิสิทธิ์” ลั่น พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง เสียดายชิงยุบสภาก่อนแก้ปัญหาชายแดน-น้ำท่วม ดักทางรัฐบาลรักษาการลากยาวเลือกตั้งต้องยึดกฎหมาย สับสนฝ่ายอยากแก้ รธน. กลับเลือกทางจบแบบนี้


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 ธ.ค. 2568 ที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้ง หลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ว่า พรรคมีความพร้อม ไม่มีปัญหา เราเป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้เสมออยู่แล้ว ตนกำชับผู้บริหารทุกคนตั้งแต่ต้นว่า เราทำงานแข่งขันกับเวลา แต่ยอมรับว่ามีข้อจำกัดหลายเรื่อง แต่ก็มั่นใจ เราเร่งทำทั้งนโยบายที่ตอบโจทย์ประเทศ และการคัดผู้สมัครก็เร่งรัดทำตามขั้นตอนและเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างครบถ้วน ซึ่งมีคนรุ่นใหม่ที่สนใจเข้ามาทำการเมืองแบบสุจริตจำนวนมาก จึงต้องกลั่นกรองและคัดเลือกให้เหมาะสมที่สุด ส่วนจะสามารถเปิดตัวผู้สมัครได้เมื่อไหร่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด คือ ต้องเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากสาขา และตัวแทนจังหวัด ตามกฎหมายบังคับ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และหลังจากได้รับฟังความคิดเห็นมาแล้วคณะกรรมการสรรหาก็จะเร่งประชุมเพื่อเสนอคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรคอนุมัติ ส่วนจะส่งตัวผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ทราบ แม้ว่าจะมีผู้ยื่นความจำนงมาแล้ว จะต้องคัดกรองอีกครั้งหนึ่ง


เสียดายชิงยุบสภาก่อนแก้ปัญหาชายแดน-น้ำท่วม


“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พรรคห่วงใย ซึ่งได้ออกแถลงการณ์ไปตั้งแต่เมื่อคืน ที่ต้องยอมรับว่า ปัญหาของประเทศในขณะนี้ มีทั้งการสู้รบตามแนวชายแดน และการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม หากการเมืองมีเอกภาพ มีพลังและมีอำนาจเต็ม จะสามารถผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ด้วยดี ซึ่งยอมรับว่า รู้สึกเสียดาย ในการชิงไหวชิงพริบทางการเมือง ที่ทำให้เกิดการชะงักงัน ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญและร่างกฎหมายที่ค้างในสภา ต้องตกไปทั้งหมดเมื่อยุบสภา สิ่งที่ตนอยากจะเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ต้องมุ่งมั่นในการดำเนินภารกิจทั้ง 2 เรื่องให้เสร็จสิ้นด้วยดี แม้ว่าจะมีการเลือกตั้ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้กระทั่งรัฐบาลหรือตัวนายกรัฐมนตรี ต้องมาใช้เวลากับการรณรงค์หาเสียง การที่รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม และต้องรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา การตัดสินใจในนโยบายใหม่ๆ ก็คงทำไม่ได้ และอาจจะมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ เพราะเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง จะมีเรื่องของ กกต. มาเกี่ยวด้วย ถ้าเริ่มต้นวันนี้นายกรัฐมนตรีกับรัฐบาล จะดูแลภารกิจเหล่านี้ว่าจะไม่กระทบ หรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนเรื่องการเลือกตั้งก็ว่าไปตามกระบวนการของพรรคการเมือง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

...


ดักทางรัฐบาลรักษาการลากยาวเลือกตั้งต้องยึดกฎหมาย


เมื่อถามว่า คิดว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐบาลจะอาศัยช่วงนี้เป็นรัฐบาลรักษาการยาว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะไปลากยาวด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ได้ ยกเว้นเท่าที่กฎหมายให้อำนาจไว้ อย่างกรณีที่ก่อนหน้านี้ที่มีการเลื่อนเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดศรีสะเกษ ก็เป็นไปตามกฎหมาย คือ กกต. เห็นแล้วว่าการจะเลือกตั้งในพื้นที่เหล่านั้น มันไม่สามารถจัดได้ เพราะต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าประชาชนมีส่วนร่วมด้วย เป็นอำนาจของ กกต. ที่จะเลื่อนการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งทั่วไป ยังมองไม่เห็นว่ากฎหมายจะอนุญาตอย่างไร ส่วนที่เคยมีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งทั่วไปต้องเลือกตั้งพร้อมกันทั่วประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า มีบทบัญญัติที่พยายามมาปรับ เพื่อแก้สถานการณ์ตรงนั้นอยู่ว่าในกรณีบางพื้นที่ ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไรก็คงเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต. ที่จะวินิจฉัย


สับสน ฝ่ายอยากแก้ รธน. กลับเลือกทางจบแบบนี้


เมื่อถามว่าการชิงยุบสภากะทันหันมองว่าพรรคภูมิใจไทยเอาเปรียบเพื่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่อยากถกเถียงว่า ใครเป็นคนผิดข้อตกลง แต่น่าเสียดายตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกแถลงการณ์ไปว่า ถ้าพรรคการเมืองจะพยายามหาทางออกร่วมกันผลักดันสิ่งที่เป็นเป้าหมายร่วมกันสักนิดก็จะหลีกเลี่ยงที่จะทำให้บางปัญหาที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ความได้เปรียบเสียเปรียบ มีอยู่แล้วตามเงื่อนไข เราให้ความเป็นธรรมกับนายกฯ เพราะนายกฯพูดมาตลอดว่าถ้าขยับอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ เขาก็จะยุบสภา เพียงแต่ว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาชนก็ไม่ได้บอกว่า จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเคยถูกสอบถามก็บอกว่ารัฐบาลยังไม่มีความผิดร้ายแรง แต่พอมีปัญหาเรื่องตกลงกันไม่ได้ เรื่องสาระของรัฐธรรมนูญเลยทำให้เป็นเหตุขึ้นมา ในใจผมก็นึกว่าถ้าเราเอาเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่มาเป็นตัวตั้งของประเทศแล้วคุยกันเสีย เผื่อหาทางออกได้มันก็น่าจะดีกว่านี้ แต่เมื่อถึงจุดนี้ก็ต้องเดินไปตามกระบวนการ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว


เมื่อถามว่าเสียดายหรือไม่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ ที่ค้างอยู่ในสภาฯ ไม่สามารถออกมาได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำให้ตนมีความรู้สึกสับสนนิดหน่อยว่าฝ่ายที่ต้องการผลักดันแก้ไขเพิ่มเติม หรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อยู่ดีๆ ก็เลือกเส้นทางทำให้มันจบลง แม้ว่าจะมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ทำประชามติ แต่จริงๆ แล้วตรงนี้ไม่ได้ช่วยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญง่ายขึ้น เพราะจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้คำถามที่ไปถามประชาชนจะไปถามพร้อมกับตัวร่างรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้จัดทำใหม่ แม้มีการทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งแล้วผ่าน ก็ยังต้องไปทำประชามติอีกรอบอยู่ดีในวันที่ไปแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 จริงๆ แล้วก็แปลกใจอยู่ว่าแทนที่จะพยายามหาทางออกก็ไปเลือกเส้นทางที่เหมือนกับมาตั้งต้นกันใหม่