“จาตุรนต์”  เตือนรัฐบาลชิงยุบสภา หนีซักฟอกต้องคิดให้รอบคอบ ห่วงกระทบวิกฤตไทย–กัมพูชา  ไร้ผู้มีอำนาจเต็มบัญชาการ  ย้ำจุดยืนเพื่อไทยรอจังหวะเวลาเหมาะสมก่อนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล


วันที่ 9 ธ.ค. 2568 นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความเชื่อมโยงระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน และการยุบสภาโดยนายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่าทั้งสามเรื่องเกี่ยวพันกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องคำนึงถึงสถานการณ์วิกฤตของประเทศทั้งความขัดแย้งไทย–กัมพูชา เป็นหลัก ไม่ใช่ใช้ “ยุบสภา” เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อหนีการตรวจสอบ

ห่วงไร้คนบัญชาการเหตุการณ์

นายจาตุรนต์ ระบุว่า ในภาวะที่ไทยกำลังเผชิญปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา มีการปะทะและสู้รบจนต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่มากกว่าแสนคน ไปอยู่ตามศูนย์อพยพต่างๆ รัฐบาลต้องระดมสรรพกำลังทั้งในการปกป้องอธิปไตย ดูแลความปลอดภัย และเยียวยาประชาชนผู้เดือดร้อนอย่างเต็มที่ จึงไม่ควรปล่อยให้ประเทศต้องไปอยู่ในสภาพ “รัฐบาลรักษาการ” จากการยุบสภากะทันหันเพื่อผลทางการเมือง

นายจาตุรนต์ กล่าวย้ำประเด็นหลักว่า “ไม่มีประชาชนคนไทยที่อยากเห็นรัฐบาลรักษาการจากการที่นายกรัฐมนตรีชิงยุบสภา ซึ่งจะไม่มีคนบัญชาการเหตุการณ์กัมพูชา การเป็นรัฐบาลรักษาการจะไม่สามารถบริหารเหตุการณ์ได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งจะทำให้แต่ละพรรคการเมืองมัวไปสนใจแต่เรื่องหาเสียงเลือกตั้ง” พร้อมระบุว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาลต้องทำหน้าที่เต็มมือ ไม่ใช่กลายเป็นรัฐบาลรักษาการที่ขยับอะไรได้จำกัด ขณะที่ทุกพรรคการเมืองหันไปโฟกัสแค่การเลือกตั้ง

...

ยอมรับต้องชั่งน้ำหนัก

นายจาตุรนต์ อธิบายว่าตามหลักการแล้ว พรรคฝ่ายค้านมีสิทธิและหน้าที่เต็มที่ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “เมื่อเห็นว่ารัฐบาลบริหารต่อไปแล้วประเทศจะยิ่งเสียหาย” แต่ในทางปฏิบัติต้องชั่งน้ำหนักกับสถานการณ์จริงของบ้านเมือง ทั้งภาวะน้ำท่วมภาคใต้ที่ยังต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด และวิกฤตไทย–กัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ระดับความมั่นคงของชาติ

ส่วน กรณีความขัดแย้งไทย–กัมพูชานั้น “การปกป้องอธิปไตยของชาติ การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่และของประชาชน รวมทั้งการเยียวยาประชาชน เป็นภารกิจร่วมกันของทุกพรรคการเมือง” และแม้แต่ละฝ่ายจะมีความเห็นต่างกันได้ แต่สิ่งที่ต้องตรงกันคือทำอย่างไรให้การปกป้องอธิปไตยและการดูแลประชาชนทำได้ดีที่สุด ไม่สะดุดเพราะเกมการเมืองในสภา

ย้ำจุดยืนไม่ยื่นซักฟอกก่อน รธน.วาระ2

สำหรับจุดยืนของพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พิจารณาเรื่องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจร่วมกับสถานการณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งแม้ความเห็นภายในพรรคจะมีหลากหลาย แต่สิ่งที่เห็นพ้องร่วมกันคือ “พรรคเพื่อไทยจะไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนเสร็จวาระ 2” ของการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องการให้การพิจารณาในวาระสองเดินหน้าไปก่อนให้จบ

ยังรอจังหวะเวลา

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านวาระสองแล้ว นายจาตุรนต์ ระบุว่าพรรคยังต้องพิจารณา “จังหวะเวลา” อย่างรอบคอบ ว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ เพื่อไม่ให้การยื่นญัตติกลายเป็นชนวนให้มีการยุบสภาเร็วจนเกินไป เขาเตือนว่า หากยื่นอภิปรายในจังหวะที่ทำให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาอย่างฉับพลัน นอกจากจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจไปไม่ถึงวาระ 3 แล้ว “เรื่องใหญ่ของประเทศ” โดยเฉพาะการดูแลประชาชนตามแนวชายแดน และการรักษาอธิปไตย อาจต้องสะดุดลงไปด้วย

เบรกยุบสภาช่วงชุลมุนไทย - กัมพูชา

นายจาตุรนต์ ยังชี้ให้เห็นผลกระทบด้านเทคนิคของการยุบสภาในช่วงที่มีผู้อพยพจำนวนมากว่า การจัดการเลือกตั้งทันทีทันใดเป็นไปได้ยาก เพราะ “จะมีหลายพื้นที่ที่ไม่รู้ว่าจะจัดการเลือกตั้งอย่างไร” ทั้งในแง่เขตเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้ง ซึ่ง กกต. ก็จะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปได้ด้วยดี เฉพาะประเด็นนี้เรื่องเดียวก็ทำให้การยุบสภาอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องที่ “ไม่ควรทำ”

ท้ายที่สุด นายจาตุรนต์ ทิ้งท้ายว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “เป็นสิทธิและเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านแน่” แต่ฝ่ายค้านต้องดูให้รอบด้านว่า การเคลื่อนไหวของตนจะมีผลต่อการแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างไร มีผลในทางบวกหรือทางลบอย่างไร ทั้งต่อวิกฤตเฉพาะหน้าของประเทศและต่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยย้ำว่า “แต่ว่าที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลบริหารอย่างไรก็ได้ บริหารล้มเหลวยังไงก็บริหารไป ฝ่ายค้านก็ควรจะปล่อยให้บริหารไปเรื่อย ๆ ก็คงไม่ใช่” ซึ่งสะท้อนจุดยืนว่าฝ่ายค้านยังต้องทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้น แต่ต้องเลือกจังหวะและวิธีการที่ไม่ทำให้ประเทศเสียหายมากกว่าเดิม