กกต. ชี้ยังไม่ชัดประชามติ กาพร้อมเลือกตั้ง สส. หรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐสภา-ครม. แต่หากเลื่อนยุบสภาอาจกระทบวันทำประชามติ พร้อมยันประชามติไม่มีกระบวนการลงคะแนนล่วงหน้า
วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าที่ร้อยตรี ภาสกร สิริภคยาพร รองเลขาธิการกกต. กล่าวถึงกรอบเวลาในการจัดการเลือกตั้ง สส. พร้อมกับการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ว่า เวลานี้ กกต. ไม่อาจบอกได้ว่า การทำประชามติจะเกิดขึ้นหรือไม่ เกิดขึ้นเมื่อไร หรืออย่างไร ขึ้นอยู่กับว่ารัฐสภาและคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้ง กกต. มาเมื่อใด รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมการเลือกตั้ง สส. หรือไม่ เพราะไม่ทราบว่าจะยุบสภาเมื่อไร ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กำหนดให้วันออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้ง สส. เป็นการทั่วไป หรือวันเลือกตั้งท้องถิ่น เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระได้ แต่ต้องไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน นับแต่วันที่ กกต.ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภาหรือวันที่ ครม.มีมติ แล้วแต่กรณี
จากกรอบเวลาเดิมที่มีกำหนดยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค. และกำหนดให้ 29 มี.ค.เป็นวันเลือกตั้งพร้อมการจัดทำประชามตินั้น แต่เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป โจทย์ของเราคือยุบสภาวันไหน และรัฐสภาแจ้งให้มีการทำประชามติเมื่อไร ต้องนำ 2 อย่างนี้มาผนวกกัน เพื่อดูว่าต้องใช้เวลาตามกฎหมายเท่าใด ซึ่งไม่ใช่อำนาจของ กกต. ไม่สามารถก้าวล่วงรัฐบาลหรือรัฐสภาได้
ว่าที่ ร.ต. ภาสกร ย้ำว่า กกต.มีหน้าที่รับข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำและ กกต. จะแจ้งให้ประชาชนทราบเท่านั้น รวมถึงการดูแลกระบวนการจัดทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่พร้อมกัน กกต. ก็ต้องมีความพร้อมดำเนินการอยู่ดี
...
หากยึดตามไทม์ไลน์เดิมว่า รัฐบาลยุบสภาปลายเดือนมกราคม และจัดการเลือกตั้งในวันที่ 29 มี.ค.นั้น ตอนนี้จะเหลือเวลาให้รัฐบาลดำเนินการและแจ้งต่อ กกต. เท่าใด ว่าที่ร้อยตรี ภาสกรกล่าวว่า วันเลือกตั้งอย่างช้าคือ 29 มี.ค. ดังนั้น รัฐสภาต้องแจ้งมาก่อนภายใน 60 วัน และยังมีขั้นตอนที่ กกต. ต้องนำข้อมูลไปแจ้งให้ประชาชนอีก จึงมีเงื่อนเวลาที่บีบมาพอสมควร ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน โดยคาดว่าเพื่อให้เป็นไปตามกรอบเวลาเดิม อย่างช้ารัฐบาลต้องแจ้ง กกต. มาภายในประมาณ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นการกำหนดคร่าวๆ ตามแผนเดิม แต่ในความเป็นจริงยังมีเวลาเพียงพออยู่ตามกฎหมายประชามติ
ส่วนหากเกิดอุบัติเหตุยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค. นี้ จะส่งผลให้การเลือกตั้ง สส. และการจัดทำประชามติไม่สามารถทำวันเดียวกันหรือไม่นั้น ว่าที่ร้อยตรีภาสกร กล่าวว่า กกต. ไม่สามารถตอบได้ ซึ่งหากลองไล่เวลาดูว่า ในระยะเวลาภายใน 45 วัน และไม่เกิน 60 วันนั้น จะตรงกับวันไหน ยังไม่นับที่รัฐสภาจะต้องแจ้งมายัง กกต. ก่อน ซึ่ง กกต. ไม่ก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลและรัฐสภาต้องคิด
ขณะที่หากมีการยุบสภาก่อนกำหนดที่รัฐสภาได้ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะยังสามารถจัดทำประชามติโดยถามคำถามเดียวก่อนได้หรือไม่ แทนที่จะเป็น 2 คำถามพร้อมกันในครั้งเดียวตามแผนเดิม ว่าที่ร้อยตรี ภาสกรกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ โจทย์อยู่ที่ไม่ว่าจะกี่คำถาม แต่คำถามนี้เป็นอำนาจของ ครม. และของรัฐสภา
ออกเสียงประชามติล่วงหน้าไม่มีในข้อกฎหมาย
ว่าที่ร้อยตรีภาสกร ยังกล่าวถึงข้อเสนอของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ที่เสนอให้สำนักงาน กกต. พิจารณาจัดการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขตผ่านทางไปรษณีย์ โดยให้ประชาชนลงทะเบียนพร้อมกับการเลือกตั้ง สส. ล่วงหน้านอกเขตนั้น ว่า กกต. ตระหนักถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่เราต้องดำเนินการบนพื้นฐานของกฎหมาย กฎหมายให้ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ กกต. ก็จะมีช่องทาง แต่พ.ร.บ. การออกเสียงประชามติ เขียนไว้ค่อนข้างชัดว่า การออกเสียงประชามติให้กระทำได้ในวันเดียวกันทั่วประเทศ นั้นหมายความว่าไม่มีกระบวนการในการลงคะแนนล่วงหน้า ดังนั้นการออกเสียงประชามติผ่านทางไปรษณีย์ถือว่าเป็นการออกเสียงล่วงหน้า กฎหมายมีข้อจำกัดอยู่ ส่วนเหตุผลที่ทำไมการเลือกตั้ง สส. สามารถออกเสียงล่วงหน้าได้ เนื่องจากกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าสามารถลงคะแนนล่วงหน้าได้
อย่างไรก็ตามการเลือกต่างประเทศจะไม่เหมือนเรา ให้อำนาจเอกอัครราชทูตในการกำหนดวิธีการและเวลา ซึ่งอาจมีการลงคะแนนเลือกตั้ง สส. ผ่านทางไปรษณีย์ แต่ยังนับคะแนนไม่ได้ เพราะมีเงื่อนไขต้องนับคะแนนภายใน 48 ชั่วโมง หลังการลงคะแนนเลือกตั้งภายในประเทศสิ้นสุดลง