เมืองเบธเลเฮม ในเขตเวสต์แบงก์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซู ได้กลับมาจุดไฟต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2022 หลังจากงดการเฉลิมฉลองมานานสองปีเนื่องจากความขัดแย้งในกาซา การจุดไฟต้นคริสต์มาสครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการหยุดยิง โดยมีชาวปาเลสไตน์หลายพันคนหลั่งไหลเข้ามาร่วมพิธี เพื่อมองหา "ความหวัง" และความสงบสุข หลังต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากสงคราม

เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 ธ.ค.) เมืองเบธเลเฮมในเขตเวสต์แบงก์ ได้จัดพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาสยักษ์สูง 20 เมตร ที่ประดับด้วยลูกบอลสีแดงและทอง โดยพิธีดังกล่าวจัดขึ้นบริเวณจัตุรัสแมนเจอร์ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาคริสต์

การเปิดไฟต้นคริสต์มาสครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่เมืองเบธเลเฮมกลับมาจัดงานเฉลิมฉลองต่อสาธารณะในรอบ 3 ปี หลังจากที่เมืองนี้ต้องงดกิจกรรมทั้งหมด เนื่องจากสงครามที่ดำเนินมาอย่างดุเดือดในฉนวนกาซา

ชาวปาเลสไตน์หลายพันคนจากทั่วเขตเวสต์แบงก์และอิสราเอล ได้หลั่งไหลมารวมตัวกันในจัตุรัส และส่งเสียงเชียร์กึกก้องเมื่อไฟประดับต้นไม้เปิดสว่างขึ้น

แม้ว่าฉนวนกาซาจะอยู่ห่างจากเบธเลเฮมประมาณ 60 กิโลเมตร แต่สงครามที่เริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 2023 หลังกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอล ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง

นอกเหนือจากความสัมพันธ์ทางครอบครัวและเพื่อนฝูงในกาซาแล้ว ภาคเศรษฐกิจของเบธเลเฮมที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างหนักก็ประสบปัญหาอย่างรุนแรง พ่อค้าขายของที่ระลึกรายหนึ่งระบุว่า สองปีที่ผ่านมา "เหมือนตกอยู่ในนรก" เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเลวร้ายลง และอิสราเอลได้เพิ่มข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายของชาวปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์ รวมถึงมีการตั้งด่านตรวจทางทหารใหม่ ๆ

...

นายมาเฮอร์ คานาวาติ นายกเทศมนตรีเมืองเบธเลเฮม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ขณะที่เบธเลเฮมเปิดไฟต้นคริสต์มาส ความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัสที่ผู้คนของเราในกาซาต้องทนนั้น ไม่เคยจางหายไปจากหัวใจของเรา"

นายกเทศมนตรีกล่าวเสริมว่า "บาดแผลของกาซาคือบาดแผลของเรา ผู้คนในกาซาคือผู้คนของเรา และแสงแห่งคริสต์มาสจะไม่มีความหมายใด ๆ เลย เว้นแต่มันจะสัมผัสหัวใจของผู้ทนทุกข์และถูกกดขี่ทั่วปาเลสไตน์ก่อน"

ชาวปาเลสไตน์ในเบธเลเฮมต่างหวังว่าเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่จะนำมาซึ่งความสงบสุข หลังต้องเผชิญกับความเจ็บปวดมานานสองปี พวกเขากล่าวว่า "เรากำลังมองหาความหวัง" และหวังว่าจากนี้ไปสันติภาพจะเข้ามาแทนที่

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงสถานการณ์ที่ยังคงไม่แน่นอน ในพิธีจุดไฟต้นคริสต์มาสจึง ไม่มีการจุดพลุ อย่างที่เคยมีมาก่อนสงคราม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความเห็นใจต่ออนาคตที่ยังไม่แน่นอน.


ที่มา Reuters