ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง แห่งเกาหลีใต้ได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มโทษที่เข้มงวดสำหรับองค์กรที่ไม่สามารถจัดการข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างเหมาะสม หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ข้อมูลส่วนตัวลูกค้ากว่า 33 ล้านคนของ Coupang (คูปัง) รั่วไหล ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่าทศวรรษในประเทศ.

ประธานาธิบดีอี ได้สั่งให้มีการทบทวนอัตราค่าปรับและค่าเสียหายเชิงลงโทษ โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่ Coupang ไม่สามารถตรวจจับการถูกเจาะระบบได้นานถึง 5 เดือน นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีการระบุตัวผู้กระทำผิดและดำเนินการลงโทษโดยเร็ว.

เหตุการณ์นี้ส่งผลให้หุ้นของ Coupang ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ดิ่งลง 5% และบริษัทกำลังเผชิญกับการสอบสวนจากตำรวจ รวมถึงความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายค่าปรับสูง.

ภายใต้กฎหมายของเกาหลีใต้ บริษัทที่ไม่สามารถปกป้องข้อมูลได้เพียงพออาจถูกปรับสูงสุดถึง 3% ของรายได้ ซึ่งในกรณีของ Coupang อาจหมายถึงค่าปรับสูงกว่า 1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 21,804 ล้านบาท).

ผู้บริหารของ Coupang เปิดเผยว่า ผู้กระทำผิดคืออดีตวิศวกรของบริษัท ซึ่งมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบการยืนยันตัวตน ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึง ชื่อ, อีเมล, ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้า.