“เพื่อไทย” เสนอมี สสร. 151 คน จัดทำรัฐธรรมนูญ เชื่อยึดโยงประชาชน ไม่ขัดคำวินิจฉัย ศาล รธน. ห่วงมีกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน เอื้อให้เกิดการฮั้วและถูกครอบงำ
วันที่ 10 ธันวาคม 2568 นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ อภิปราย มาตรา 256/1 เรื่องการกำหนดองค์กร ที่จะทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งกรรมาธิการเสียงข้างมาก กำหนดไว้ 2 องค์กร คือ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย กรรมการ 35 คน ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับคัดเลือก ตามมาตรา 256/5 และคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วม ของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย กรรมาธิการจำนวน 35 คน
โดยกรรมาธิการทั้งสองคณะนี้ กรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก เปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิม ของนายพริษ วัชรสินธ์ และคณะ ในประเด็นสำคัญ คือ ร่างเดิมให้มีการสมัครกันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 17-70 คน แล้วให้ประชาชนเลือก ให้มีการลงคะแนนโดยตรงแล้วรับโดยประชาชน แล้วนำรายชื่อ 70 คน มาให้รัฐสภาเลือกเหลือ 35 คน โดยใช้สูตร 20 หยิบ 1
...

แต่เนื้อหาของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากได้ตัดการเลือกโดยประชาชนออก ให้สมัครโดยตรงกับ กกต. แล้วนำรายชื่อ ส่งให้รัฐสภาเลือกเหลือ 35 คน เป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ ก็ใช้สูตรทำนองเดียวกัน
นายชูศักดิ์ ระบุว่า ส่วนกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย เห็นว่าการจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะเป็นปัญหา จึงขอสงวนความเห็น ควรให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. เพราะเชื่อว่าการมี สสร. จะเป็นผลดีมากกว่าการมีเพียงกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ โดย สสร. มาจากประชาชน 300 คนทั่วประเทศ แล้วให้รัฐสภาเลือกเหลือ 100 คน และอีกส่วนหนึ่งมาจากการเสนอขององค์กรต่างๆ อาทิ วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร ครม. องค์กรเอกชน องค์กรส่วนท้องถิ่น รวมตัวกันแล้วเสนอ มาให้รัฐสภาแต่งตั้งจำนวน อีก 51 คน รวม สสร. 151 คน เพื่อทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
พร้อมกันนี้ ยังเสนอว่า กรณีการเลือกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นฯ ซึ่งแต่ละคณะมีจำนวน 35 คนนั้น การใช้สูตร 20 หยิบ 1 อาจมีข้อบกพร่อง เพราะถ้าใครกุมเสียงข้างมากก็จะคัดเลือกกรรมาธิการตามที่ต้องการ จึงเสนอควรใช้สูตรใหม่ คือให้ รัฐสภาเลือกเพียง 25 คน ส่วนอีก 10 คน ให้มาจาก ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อถ่วงดุลกรรมาธิการทั้ง 35 คน ให้มีความหลากหลาย นายชูศักดิ์ ระบุว่า การเสนอของพรรคเพื่อไทย มีความยึดโยงกับประชาชน ทำให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญมีความหลากหลาย มีความเป็นกลาง ไม่ยึดโยงกับพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง

ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผู้สงวนคำแปรญัตติ ระบุว่า จำเป็นต้องมี สภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ สสร. เพราะจะมีความหลากหลายและเชื่อมโยงกับประชาชน และไม่มีข้อครหาว่าทำเพื่อตัวเอง จะทำให้โอกาสในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประสบความสำเร็จได้มากกว่า เป็นที่ยอมรับของประชาชนมากกว่า
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สงวนความเห็น ระบุว่า องค์กรผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ต้องมีที่มาจากความอิสระ ไม่ถูกครอบงำโดยกลุ่มหรือสีใดๆ จึงต้องมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 151 คน ซึ่งเลือกมาจากประชาชนแล้วรัฐสภาเลือกเหลือ 100 คน และอีก 51 คนมาจากภาคส่วนต่างๆ

นพ.ชลน่าน มั่นใจว่าวิธีการดังกล่าว จะไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะผู้ร่างมาจากการคัดเลือกของที่ประชุมร่วมของรัฐสภา แต่ที่กังวลคือ กรรมาธิการที่จะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ทำหน้าที่ ทั้งยกร่างและพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนส่งให้รัฐสภาพิจารณา เบ็ดเสร็จอยู่ในตัว 35 คน กำหนดประเทศได้ ถ้า 35 คนที่เป็นผู้เขียนรัฐธรรมนูญสุ่มเสี่ยงต่อการครอบงำตั้งแต่กระบวนการการรับสมัคร ซึ่งในร่างของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ก็เหมือนจะไปเอื้อ ให้กับคนกลุ่มนี้ถูกจัดตั้งมาตั้งแต่แรก
นพ.ชลน่าน ระบุว่า ตนเองจึงขอเสนอตามสัดส่วนภูมิภาค จำนวน 20 คน และคัดเลือกจากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ จำนวน 15 คน ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน จำนวน 5 คน ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จำนวน 5 คน ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินหรือการร่างรัฐธรรมนูญ ตามหลักเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด จำนวน 5 คน เพื่อป้องกันการฮั้ว และป้องกันสีใดสีหนึ่ง