ผู้การ ปอศ. แจงสาเหตุที่ตำรวจไม่รับมอบตัว "นานา" ก่อนออกหมายจับภายหลัง เผยพฤติการณ์หลอกชักชวนเพื่อนสนิทและคนใกล้ชิดลงทุน 17 ราย เสียหายร่วม 195 ล้านบาท
วันที่ 3 พ.ย. 68 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. เปิดเผยภายหลังร่วมสอบปากคำ "นานา" หรือ ไรบีนา อินทชัย อายุ 45 ปี ว่า กลางเดือนที่ผ่านมา มีกลุ่มเพื่อนสนิทของนานา ทยอยมาร้องทุกข์ ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำผู้เสียหาย 17 ปาก ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง ก่อนจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดไปขอศาลออกหมายจับและหมายค้น นำไปสู่ปฏิบัติการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเอกสารและทรัพย์สินบางส่วน เช่น รถยนต์ กระเป๋าแบรนด์เนม ของสะสม Art toy 11 ชิ้น เครื่องเพชรประมาณ 50 ชิ้น เครื่องประดับ นาฬิกา รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
ผบก.ปอศ. กล่าวอีกว่า ในส่วนพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทและคนใกล้ชิดของนานา 17 คนเข้าแจ้งความ มูลค่าความเสียหายกว่า 195 ล้านบาท มีลักษณะเป็นการชวนผู้เสียหายไปลงทุนใน 4-5 กิจกรรม 1.ชวนลงทุนปล่อยสินเชื่อ ปล่อยเงินกู้ อ้างจะให้ค่าตอบแทน 4-7 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีการอุปโลกน์คนขึ้นมาเพื่อเทรดหุ้น ซึ่งทั้งการเทรดหุ้นและปล่อยสินเชื่อไม่มีอยู่จริง ขณะเดียวกันยังมีผู้เสียหายบางกลุ่ม ถูกชักชวนลงทุนทำสนามบาส และ ลงทุนเปิดร้านอาหารระดับประเทศ โดยหนึ่งในผู้เสียหายที่มีข่าวหลุดออกมาแล้วว่าเข้าแจ้งความกับตำรวจก่อนหน้านี้ คือ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เป็นการชวนไปลงทุนร้านอาหารในประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่า 3 ล้านบาท แต่สุดท้ายไม่มีการลงทุนจริง อย่างไรก็ตามผู้เสียหายหลายรายไม่ประสงค์ปรากฏเป็นข่าว
...
อย่างไรก็ตามจากการสอบปากคำ นานาให้การปฏิเสธ แต่รายละเอียดขอให้อยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งนานาก็มีประเด็นที่อยากจะชี้แจงต่อตำรวจ เบื้องต้นอ้างว่าไม่รู้ว่าการกู้ยืมเงินลักษณะที่ทำนั้นผิดกฎหมาย และคิดว่าจะหาเงินมาชดใช้ผู้เสียหายได้ ซึ่งนานาจะยื่นประกันตัวหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนยังไม่ทราบ แต่หากยื่นมา พนักงานสอบสวนก็มีหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ตามกฎหมาย ซึ่งหากยื่นมาก็มีสิทธิ์ได้ประกันตัวเช่นกัน
อย่างไรก็ตามความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก็คือแชร์ลูกโซ่ เป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน ซึ่งได้รายงานความผิดมูลฐานไปยัง ปปง. แล้ว ส่วนทรัพย์ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาว่าได้มาก่อนหรือหลังการกระทำความผิด ซึ่งความผิดหลักเกิดขึ้นประมาณเดือนกันยายนปี 2565 ก็ต้องตรวจยึดทรัพย์ทั้งหมด และส่งให้ ปปง. ดำเนินการ
ส่วน "เวย์ ไทเทเนี่ยม" หรือ นายปริญญา อินทชัย สามีของนานา อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งตำรวจยืนยันจะตรวจสอบในทุกมิติ ส่วนกรณีที่ทนายสายหยุด นำตัว นานามาพบตำรวจเมื่อวันจันทร์ แต่อ้างว่าไม่มีการรับมอบตัวนั้น
เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วง 5 โมงเย็น อยู่นอกเวลาราชการ และขณะนั้นพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ออกหมายจับนานา ทำให้ยังไม่มีอำนาจควบคุมตัว ซึ่งวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เห็นตัวนานา มีเพียงทนายสายหยุดมาส่งเอกสาร ซึ่งการจะออกหมายเรียกหรือหมายจับ เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน แต่คดีนี้อัตราโทษโทษเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนสามารถขอออกหมายจับได้เลย ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก