“เพื่อไทย” เสนอมีตัวแทนสื่อสารมวลชนร่วมเป็นกรรมาธิการรับฟังความเห็น ด้าน “ณัฐวุฒิ” บอกเปิดกว้างคุณสมบัติไว้ให้แล้ว เชื่อสมาชิกรัฐสภาเลือกคนที่เหมาะสมได้


เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 10 ธ.ค. 2568 การประชุมร่วมของรัฐสภาเข้าสู่การพิจารณา มาตรา 256/6 ว่าด้วยการพ้นจากตำแหน่งของกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว.และกรรมาธิการเสียงข้างน้อย แสดงความไม่เห็นด้วยในกรณีที่หากกมธ.ลาออก ต้องเลือกใหม่ โดยระบุว่า ถ้าคนเป็นถึงกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญลาออก ก็เลิกไปเลยไม่ต้องมาเลือกใหม่ เสียเวลาประเทศ

ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ประธานกมธ. ชี้แจงว่า กมธ.ร่างรธน.เป็นบุคคลสำคัญ แม้จะขาดไป 1 หรือ 2 คนก็เห็นควรให้รัฐสภาเลือกจากรายชื่อที่มีอยู่ เพื่อความสง่างามในการร่างรัฐธรรมนูญ

ในที่สุดที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นด้วยตามกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนนเสียง 468 ต่อ 2 งด 9 ไม่ลงคะแนน 10 ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเลือกบุคคลตามรายชื่อเท่าที่อยู่แทนตำแหน่งที่ว่างลง

สว.ห่วงใช้ผู้รับรองถึง 100 คน

ขณะที่มาตรา 256/7 ว่าด้วยการสมัครรับการคัดเลือกเป็นกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว.และกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ขอตัดมาตรานี้ทั้งหมดโดยถามว่าหากผู้รับรองผู้สมัคร 100 คน ซ้ำกันทั้งหมด 100 คนทุกคนจะได้หรือไม่ เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าจะถูกแทรกแซง

พท.เสนอตัวแทนสื่อเป็นกมธ.

เช่นเดียวกับน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล กมธ.เสียงข้างน้อย พรรคเพื่อไทย เสนอให้เปลี่ยนเกณฑ์ที่ให้ผู้สมัครต้องมีผู้รับรองถึง 100 คน โดยเห็นว่าการกำหนดแบบนี้เท่ากับกีดกันประชาชนที่อยากมีส่วนร่วม ทำให้ถูกจำกัดอยู่แค่การเมืองบางกลุ่ม โดยเสนอให้ 10 คนมาจากตัวแทนของสื่อสารมวลชน เพราะกรรมาธิการชุดนี้ต้องมีส่วนในการรับฟังความเห็นและประเด็นสาธารณะ รวมถึงการตั้งคำถามอย่างเหมาะสม การถ่ายทอดข้อมูลที่ยุ่งยากให้ประชาชนได้เข้าใจ และจำเป็นต้องเข้าถึงคนทุกกลุ่ม เชื่อว่าจะทำให้การรับฟังความเห็นมีคุณภาพสูงสุด

...

นายเอกพร รักความสุข กรรมาธิการเสียงข้างน้อย พรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับ น.ส.ขัตติยา ที่ควรมีตัวแทนสื่อสารมวลชนร่วมเป็นกรรมาธิการชุดนี้ด้วย เพราะจำเป็นต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจน ต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยรับฟังความเห็น

มั่นใจสมาชิกรัฐสภา

ซึ่งนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ประธานกมธ.ชี้แจงว่า มาตรานี้ว่าด้วยที่มาเท่านั้น แต่จะหยิบสูตรไหนมาต้องไปว่ากันในมาตรา 256/9 โดยยอมรับว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่เสนอให้มีตัวแทนวิชาชีพสื่อมวลชนมาร่วมเป็นตัวแทน แต่ปัจจุบันหากเปิดกว้างคุณสมบัติไว้ เพื่อให้รัฐสภาคัดเลือก มั่นใจว่าจะได้ผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม

ก่อนจะมีมติเห็นด้วยตามการแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมากด้วยคะแนน 253 ต่อ 94 งดออกเสียง 136 ไม่ลงคะแนน 4


ท้วงคุณสมบัติกมธ.ฟังความเห็น

จากนั้นที่ประชุมได้เริ่มพิจารณาต่อในมาตรา 256/8 ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับการคัดเลือก ที่กรรมาธิการเสียงข้างมากแก้ไขให้เป็นผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ และมีสัญชาติไทยโดยการเกิด ซึ่งนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กมธ.เสียงข้างน้อย พรรคเพื่อไทย เสนอให้เพิ่มมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่อยู่ในประเทศไทย เช่นเดียวกับนายวิทยา แก้วภราดัย สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งคำถามถึงเหตุผลที่กำหนดคุณสมบัติของกมธ.ชุดนี้น้อยมากแตกต่างจากกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งที่กมธ.ทั้งสองชุดล้วนมีความสัมพันธ์เท่าเทียมกัน

ซึ่งนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ประธานกมธ.ชี้แจงว่า เป็นเพราะกมธ.ชุดนี้ไม่ได้มีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญ  จึงพิจารณาคุณสมบัติอย่างเปิดกว้างไว้ ส่วนลักษณะต้องห้ามจะอยู่ในมาตราต่อไป

ในที่สุดที่ประชุมมีมติตามที่กมธ.เสียงข้างมากแก้ไขด้วยคะแนนเสียง 389 ต่อ 94 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 2