คมนาคมเริ่มแล้ว 1 ธันวาคม ! รถไฟฟ้าสายสีม่วง-แดง “เหมาจ่าย 40 บาทตลอดวัน” “พิพัฒน์” ลั่น! พร้อมเดินหน้าระดมมาตรการลดค่าใช้จ่าย เร่งเดินหน้าปฏิรูป ขสมก. ดันจัดหารถเมล์ไฟฟ้า มั่นใจช่วยลดต้นทุนกว่า 70% - เพิ่มเส้นทางเชื่อมรถไฟฟ้า เร่งยกระดับบริการให้ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย และค่าใช้จ่ายลดลง
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง ทางกระทรวงคมนาคมจึงเดินหน้านโยบาย รถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน ซึ่งมาตรการนี้ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ถึง 30 พฤศจิกายน 2569 ครอบคลุมการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสองระบบ คือ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง ของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.–รฟท.) ซึ่งประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ทั้งสองระบบโดยไม่จำกัดจำนวนเที่ยวตลอดวัน โดยจัดเก็บค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 40 บาทต่อวันสำหรับบุคคลทั่วไป และไม่เกิน 30 บาทต่อวันสำหรับนักเรียน–นักศึกษา ทั้งนี้ เมื่อผู้โดยสารใช้บริการจนถึงอัตราเหมาจ่าย ระบบจะคิดราคาสูงสุดตามสิทธิโดยอัตโนมัติ

...
ทั้งนี้ มาตรการนี้สามารถใช้ได้กับบัตร EMV ทุกธนาคาร รวมถึงบัตร Mangmoom EMV และบัตร MRT EMV ซึ่งสามารถแตะเข้า–ออกสถานีได้เหมือนบัตรเครดิตและเดบิตทั่วไป ใช้งานได้ตั้งแต่รถไฟฟ้าเปิดให้บริการเวลา 05.00 น. จนถึงปิดให้บริการเวลา 24.00 น. โดยยังคงสิทธิเดิมของผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะได้รับส่วนลดหรือยกเว้นค่าโดยสารตามสิทธิประโยชน์เดิมอย่างครบถ้วน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า มาตรการนี้เป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนด้านค่าครองชีพที่ประชาชนจะเห็นผลได้ทันที โดยช่วยลดค่าเดินทางเฉลี่ย 30–50% ต่อวัน ทำให้ประชาชนเดินทางข้ามระบบได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าโดยสารสูง ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้มีรายได้จำกัดเข้าถึงระบบรางได้มากขึ้น ลดการใช้รถส่วนบุคคล ลดการจราจรติดขัด และช่วยลดปริมาณมลพิษทางอากาศรวมถึง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอีกด้วย นอกจากนี้ มาตรการเหมาจ่ายรายวันยังถือเป็นก้าวแรกสู่ระบบ “ตั๋วร่วม” (Common Ticket) ที่รัฐบาลตั้งใจผลักดัน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ระบบรางทั้งหมดด้วยบัตรใบเดียวในอนาคต

สำหรับรถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง ประชาชนทั่วไปจะจ่ายไม่เกิน 40 บาทต่อวัน และนักเรียน–นักศึกษาจ่ายไม่เกิน 30 บาทต่อวัน รองรับบัตร EMV ทุกธนาคาร รวมถึงบัตร Mangmoom EMV และ MRT EMV และยังคงสิทธิสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามปกติ เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง ซึ่งครอบคลุมสองเส้นทาง ได้แก่ สายธานีรัถยา (บางซื่อ–รังสิต) และสายนครวิถี (บางซื่อ–ตลิ่งชัน) โดยคิดค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายไม่เกิน 40 บาทต่อวัน และไม่เกิน 30 บาทสำหรับนักเรียน–นักศึกษา พร้อมรองรับการใช้บัตร EMV ทุกประเภทเช่นเดียวกัน

...
นายพิพัฒน์ ยังได้กล่าวต่อภายหลังให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) เข้าพบเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา ขสมก. ว่า ได้ให้ ขสมก. ยกระดับการให้บริการรถเมล์กับประชาชนที่ใช้บริการ ดังนั้นจึงมีนโยบายให้ ขสมก. เร่งจัดหารถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าชุดใหม่ในปี 2569 โดยเร็ว ซึ่งรถใหม่จะช่วยลดค่าเชื้อเพลิงและค่าซ่อมบำรุงได้กว่า 70% ส่งผลให้ต้นทุนการเดินรถลดลงอย่างมาก สามารถนำทรัพยากรกลับมาพัฒนาบริการ เพิ่มความถี่ของรถ ลดเวลารอ และทำให้ระบบขนส่งมวลชนสะอาดปลอดมลพิษมากยิ่งขึ้น ส่วนด้านเส้นทางเดินรถ ได้มอบนโยบายให้ ขสมก. ปรับปรุงและเปิดเส้นทางใหม่ให้เชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งโครงข่าย และระบบอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนเดินทางแบบไร้รอยต่อ ลดการต่อรถหลายรอบ และลดค่าใช้จ่ายรวมทั้งวัน นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ ขสมก. ต้องพิจารณามาตรการหารายได้ด้วยตนเองควบคู่กับการขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ และการปรับบริการให้ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น เพื่อให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นและลดการขาดทุนในระยะยาว
“สิ่งที่ผมให้ความสำคัญที่สุด คือประชาชนต้องเดินทางได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเกินจำเป็น การแก้ไขปัญหา ขสมก. ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ปรับโครงสร้างองค์กร แต่คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนที่ต้องใช้รถเมล์ เราจะเดินตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนของไทยดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม” นายพิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม