GISTDA เชื่อมโยงข้อมูลจากนาซา หลังมีการปล่อยดาวเทียมตรวจจับเพิ่ม เพื่อเพิ่มความถี่ในการติดตามและตรวจสอบ "ฮอตสปอต" หรือจุดความร้อนจากการเผา ก่อนแจ้งหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการดับไฟ ลดการสร้างฝุ่น PM 2.5

วันที่ 2 ธ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงนี้ค่าฝุ่น PM 2.5 เริ่มขยับสูงขึ้นและเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพในบางพื้นที่ ขณะเดียวกัน เริ่มพบฮอตสปอตจากการเผาในที่โล่งในบางจังหวัด แม้จะยังไม่เข้าสู่ช่วงฤดูฝุ่นเต็มตัว แต่ฮอตสปอตที่เริ่มมีให้เห็น ก็ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้จะมีมาตรการและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด 

เนื่องจากที่ผ่านมาพบกลุ่มคนเลือกช่วงเวลาลอบเผาป่า เพื่อหลบเลี่ยงดาวเทียม ทำให้การติดตามตรวจสอบทำได้ยากขึ้น ซึ่งในปีนี้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA จะเพิ่มระบบดาวเทียมทำให้ตรวจถี่มากขึ้น

โดยนางสาววรนุช  จันทร์สุริย์ นักภูมิสารสนเทศชำนาญการ GISTDA เผยว่า ข้อมูลภาพถ่ายจากอวกาศจากดาวเทียม สามารถตรวจสอบจุดความร้อน หรือพื้นที่เผาไหม้ได้ในทุกพื้นที่ โดยในการดูพื้นที่เผาไหม้ หรือ Burn Area จะระบุพิกัดการเผาไหม้ กินพื้นที่บริเวณกี่ไร่ รวมทั้งแหล่งกำเนิดว่าเป็นป่าหรือพื้นที่การเกษตร เพื่อให้หน่วยงานรับผิดชอบเข้าไปดับไฟได้ถูกต้อง

...

ส่วนการเผาที่หลบเลี่ยงคาบการเคลื่อนผ่านของดาวเทียม นางสาววรนุช กล่าวว่า ปัจจุบันองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ นาซา และอีกหลายประเทศมีการปล่อยดาวเทียมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ GISTDA ที่มีการเชื่อมโยงรับข้อมูลจากนาซา ได้ความถี่ในการติดตาม "ฮอตสปอต" มากขึ้น จากเดิมที่ใช้ระบบ MODIS ซึ่งติดตั้งอยู่กับดาวเทียม Terra กับ Aqua และระบบ VIIRS บนดาวเทียม Suomi NPP ล่าสุดมีการเพิ่มเติมดาวเทียม NOAA เพิ่มมาอีก 2 ดวง คือ NOAA 20 และ 21 ทำให้ปัจจุบันมีดาวเทียมตรวจจับเพิ่มจาก 2 เป็น 5 ดวง ทำให้รอบของการติดตาม "ฮอตสปอต" เพิ่มมากขึ้น จากเดิมวันละ 4 รอบเป็น 8-10 รอบ

ส่วนการตรวจสอบพื้นที่เผาไหม้ ก่อนหน้านี้ใช้เทคโนโลยีดาวเทียม Landsat 8 กับ 9 ปัจจุบัน มีดาวเทียม Sentinel 2 ที่มีทั้ง 2A 2B 2C มาเพิ่มเติม รวมเป็น 5 ดวง ทำให้สามารถดูพื้นที่เผาไหม้ได้ถี่ขึ้นจากทุก ๆ 16 วัน เป็นทุก ๆ 3-5 วัน และยังได้ความละเอียดเชิงพื้นที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิม 30x30 ตารางเมตร เป็น 10x10 ตารางเมตร