“ยศชนัน” น้อมรับทุกผลโพล จะทำงานไปข้างหน้า ต้องรับฟัง ขอปักธง สุพรรณบุรีไม่สนบ้านใหญ่ มั่นใจนโยบายและบุคคลจะชนะใจประชาชนได้ ด้าน “จุลพันธ์” ชี้ โพลเป็นแค่ข้อคิด ไม่ใช่ข้อตัดสิน ต้องวัดกันวันเลือกตั้ง


วันที่ 21 ธ.ค. 2568 นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ วัดโพธิ์ทราย จ.สุพรรณบุรี ว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลงพื้นที่ เนื่องจากเรามีความชัดเจนเรื่องผู้สมัครครบถ้วน ซึ่งผู้สมัครได้ลงพื้นที่มาสักระยะหนึ่งแล้ว ทำให้เห็นปัญหาต่าง ๆ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ที่อยากจะสื่อไปยังทุกคนที่มีความรับผิดชอบ และพรรคการเมือง ว่าสิ่งที่เป็นความเดือดร้อน มีการแก้ไข 2-3 ระยะ ซึ่งบางอย่างสามารถแก้ปัญหาได้ทันที เพื่อไทยจึงสะท้อนปัญหา และบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับแนวนโยบายให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อปรับแก้นโยบายให้ตรงกับประชาชนมากที่สุด ก่อนส่งให้ กกต.


ส่วนนโยบายจะตรงใจพอสู้กับบ้านใหญ่ โดยเฉพาะ จ.สุพรรณบุรี จะสามารถปักธงพื้นที่ได้หรือไม่ นายยศชนัน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องกลไกที่ต้องทำให้เป็นไปได้ ซึ่งในส่วนพรรคเพื่อไทยได้คัดเลือกบุคคลที่มีคุณภาพ เพื่อมาลงพื้นที่ สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจ และเข้าถึงประชาชน อีกทั้งต้องมีความสม่ำเสมอ ก็เชื่อว่าจะสามารถชนะใจประชาชนได้


ในพื้นที่ บ้านใหญ่จังหวัดสุพรรณบุรี ย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ขณะในพื้นที่ก็มีกระแสไม่พอใจบ้าง เรื่องนี้มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะปักธงได้หรือไม่ นายยศชนัน กล่าวว่า หากมองเป็นเรื่องพรรคการเมือง ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เพื่อไทยก้าวข้ามเรื่องนั้นไปแล้ว สิ่งที่เราพยายามทำ คือการทำนโยบายเพื่อประชาชน เราจึงคัดเลือก และคัดสรรผู้สมัคร สส. ที่มีความสามารถในการนำนโยบายไปแก้ปัญหาให้ประชาชนได้จริง ก็เชื่อว่าจะสามารถชนะใจประชาชนได้

...


ด้านนายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ดูเรื่องของบ้านเล็กบ้านใหญ่อีกต่อไป เพราะเราก้าวข้ามประเด็นเหล่านั้น การต่อสู้กับอำนาจรัฐพวกเราชินอยู่แล้ว เพราะเราเจอบ่อย เราผ่านการปฏิวัติมา และเลือกตั้ง เราก็ชนะได้ เราผ่านการเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งมีอำนาจรัฐ เราก็สามารถไปทำความเข้าใจกับประชาชน และชนะเลือกตั้งมาได้เช่นกัน ครั้งนี้ไม่ได้กลัว และไม่ได้เป็นห่วงอะไร มั่นใจในนโยบาย เราเชื่อมั่นในตัวบุคคล เพราะวันนี้ไปในพื้นที่ใด กระแสตอบรับนายยศชนัน อยู่ในระดับที่พอใจมาก ขณะที่ตัวผู้สมัครเองก็ลงพื้นที่ต่อเนื่องทุกวัน เรายังเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในการเดินเข้าหาประชาชน


เมื่อถามถึงผลสำรวจพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมขึ้นมาลำดับสอง แต่ผลนิด้าโพลล่าสุด ในพื้นที่ กทม. นายยศชนัน ยังอยู่ลำดับ 10


“จุลพันธ์” ชี้ โพลเป็นแค่ข้อคิด ไม่ใช่ข้อตัดสิน ต้องวัดกันวันเลือกตั้ง


ด้านนายจุลพันธ์ กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนล่าสุดที่ออกมาวันนี้ ว่า โพลก็เป็นข้อคิด แต่ไม่ใช่ข้อตัดสิน เพราะการเลือกตั้งสุดท้ายอยู่ในมือประชาชน และจะตัดสินกันในวันเลือกตั้ง ต้องไปทำความเข้าใจ และเข้าหาประชาชน เมื่อเปิดตัวผู้สมัคร และมีเบอร์แล้ว ก็จะต้องลงพื้นที่ทำความเข้าใจนำนโยบายไปให้ประชาชน เราเชื่อมั่นว่าแต่ละโพลที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วเราจะทำได้ดีขึ้น ขณะที่ในส่วนของกรุงเทพฯ มีหลายนโยบายที่ตรงใจคนกรุงเทพฯ เช่น รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย บ้านเพื่อคนไทย รถเมล์ปรับอากาศ 10 บาท เชื่อว่านโยบายตอบโจทย์เรื่องค่าครองชีพคนกรุงเทพฯ และขณะนี้โพลที่ออกมา คนยังไม่ตัดสินใจเกือบ 50% เป็นโอกาสของทุกพรรคการเมืองที่จะทำนโยบายให้ตอบโจทย์คนกรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทยก็เช่นเดียวกัน


ส่วนผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ก็เป็นกำลังใจที่ดี ที่อยู่ในอันดับ 2 ถือว่าขึ้นมาได้เร็ว หลังเปิดตัวนายยศชนัน ได้ไม่นานพรรคเพื่อไทยจะทำงานหนักต่อไป เพื่อครองใจประชาชน และให้ประชาชนหันกลับมอง และเกิดความเชื่อมั่นว่าเพื่อไทยทำได้ นโยบายของเพื่อไทยจะแก้ไขปัญหาเป็นทางออกและโอกาส


นายยศชนัน กล่าวว่าผลสำรวจเป็นเสียงสะท้อน ตนเองเชื่อเสมอว่าการจะทำงานไปข้างหน้าต้องพร้อมรับฟัง ทั้งเรื่องที่ดี และไม่ดี ตอนนี้พยายามทำเต็มที่เพื่อที่จะเป็นคนของประชาชน โพลแต่ละสำนัก เราพร้อมที่จะรับฟัง ตรงไหนไม่ดีพร้อมที่จะปรับปรุง และไม่ใช่แค่ตัวแคนดิเดตคนเดียว สิ่งที่สำคัญคือโพลนี้จะทำให้ทุกคนในพรรคทำงานอย่างเต็มที่ เปิดใจรับฟังโพลไหนออกมาดีก็เป็นกำลังใจทำให้รู้สึกว่าเราทำมาถูกทาง อันไหนที่ยังไม่ดี เราน้อมรับและจะทำให้ดีขึ้น


นายยศชนัน กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่เราเข้าใจพี่น้องประชาชน แต่ไม่ใช่ทีเดียวทั้งประเทศ แต่ละเขต แต่ละพื้นที่มีปัญหาของตัวเอง การพยายามสื่อสารบางอย่างให้ลึกลงไป โดยที่ทุกคนรับทราบว่าวันนี้ประเทศมุ่งไปในทิศทางไหน เป็นส่วนสำคัญมาก ประเทศไทยในการเลือกตั้งปี 2569 จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้ นี่เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศ ที่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุด แน่นอนว่าวันนี้มีหลายเรื่อง มีข่าวสารบางอย่างที่อาจจะทำให้ลืมเป้าหมายหลัก ๆ ใหญ่ ๆ แต่ถ้ามองเป้าหมายว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เราไม่ว่ากันเดินทางไปข้างหน้าด้วยความสามัคคีกัน