โฆษกกลาโหม เผย กต. ยังเร่งประสานส่งคนไทยกลับประเทศ แต่กัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ ขณะกองทัพอากาศ ส่ง F-16 ถล่มจุดบ้าน 3 หลังทำลายบังเกอร์ใต้ดิน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงความคืบหน้าสถานการณ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (11 ธ.ค.) จนถึง วันนี้ (12 ธ.ค.) ว่า กระทรวงการต่างประเทศยังคงประสานความร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอความร่วมมือนำคนไทยในกัมพูชากลับสู่ประเทศ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชายังคงไม่ดำเนินการตามการประสานความร่วมมือของฝ่ายไทย ซึ่งนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่า สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นมีผลต่อการประสานงาน แต่ยังคงประสานงาน เพื่อขอความร่วมมืออย่างเต็มที่จากฝ่ายกัมพูชา

ทบ.เผย ต้องปรับแนวรบบริเวณ บ้านคลองแผง
ขณะที่ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า ด้านปฏิบัติการทางทหาร โดยได้นำเสนอข้อมูลและแผนที่ เพื่อแสดงถึงพื้นที่ที่มีการปะทะในขณะนี้ พร้อมยืนยันว่า ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ขณะนี้ ฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ซำแต ช่องจอม ช่องเปรอ และช่องระยี ได้เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ของกองทัพภาคที่ 1 ก็สามารถควบคุมได้แล้วเช่นกัน ส่วนพื้นที่ที่สามารถควบคุมได้บางส่วนคือบริเวณช่องอานม้า ช่องคนา ซึ่งมีปราสาทคนาตั้งอยู่
...

ส่วนพื้นที่ที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เช่นพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ แม้ว่าไทยสามารถทำลายการโจมตีและฐานทหารโดยรอบปราสาทเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยภูมิประเทศที่มีความยากลำบาก ทำให้ทหารไทยยังคงพยายามปฏิบัติการเข้าควบคุมพื้นที่ ส่วนบริเวณบ้านคลองแผง ใน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว แม้ว่ากองกำลังบูรพารายงานว่า ในวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ฝ่ายไทยจะสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้แล้ว แต่ในคืนเดียวกันฝ่ายกัมพูชาก็ได้ระดมโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ และพิจารณาว่าบริเวณดังกล่าวยังไม่สามารถวางกำลังได้และต้องปรับแนวรบ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกองกำลังบูรพายังคงใช้ความพยายามเข้าควบคุมพื้นที่อีกครั้ง
F-16 ถล่มจุดบ้าน 3 หลังทำลายบังเกอร์ใต้ดิน
ด้าน น.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศได้สนับสนุนปฏิบัติการใช้เครื่องบิน F-16 เข้าโจมตีในพื้นที่บ้าน 3 หลัง ในพื้นที่ ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ซึ่งตรวจพบว่ามีการขุดสนามเพลาะ (คูเลต) รวมถึงมีการสร้างบังเกอร์ในพื้นที่ใต้ดิน การโจมตีดังกล่าวจึงเป็นการทำลายบังเกอร์ของฝ่ายกัมพูชาให้หมดสภาพความเป็นภัยคุกคาม และดำเนินกลยุทธ์เข้ายึดครองพื้นที่ต่อไป เนื่องจากในด้านข่าวกรองยังทราบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งพิสูจน์ว่ากัมพูชายังคงดำรงความเป็นภัยคุกคาม และไทยยังคงต้องปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่อง
น.อ.นรา กล่าวว่า สำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นของฝ่ายกัมพูชา ณ วันนี้ ฝ่ายไทยสามารถทำลายยานเกราะและรถถังของฝ่ายกัมพูชาได้ 9 คัน โดรน 68 ลำ แอนตี้โดรน 1 ระบบ เสาสื่อสาร 3 จุด เครื่องยิงจรวด BM-21 1 ระบบ โดยทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต ยืนยันว่ามีไม่น้อยกว่า 165 ราย