สิงคโปร์ดำเนินการประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดถึง 3 คนภายในเวลาเพียง 2 วันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่การไต่สวนคดีต่อต้านโทษประหารกำลังจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 1 ธ.ค. 2568 ว่า สิงคโปร์ดำเนินการประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดถึง 3 คนในวันพุธและพฤหัสบดีที่ผ่านมา (26-27 พ.ย.) ทำให้ในปีนี้พวกเขาดำเนินการประหารชีวิตนักโทษไปแล้ว 17 ราย สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2546
หนึ่งในผู้ที่ถูกประหารชีวิตคือนาย ซามินาธาน เซลวาราจู (Saminathan Selvaraju) ชาวมาเลเซีย ผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานขนส่งไดอะมอร์ฟีน หรือที่รู้จักกันในชื่อเฮโรอีนหนัก 301.6 กรัม จากมาเลเซียเข้าสู่สิงคโปร์ในคืนวันที่ 21 พ.ย. 2556
นายซามินาธานพยายามโต้แย้งว่า เขาขับรถบรรทุกของบริษัทในช่วงเช้าวันเกิดเหตุ แต่ไม่ได้เป็นคนขับตอนที่รถบรรทุกขนยาเสพติดเข้าสู่สิงคโปร์ และอ้างด้วยว่า รถคันเดียวกันนี้ มีคนขับใช้งานร่วมกันหลายคน
เจ้าหน้าที่สืบสวนพบบัตรตรวจคนเข้าเมืองที่กรอกไว้ล่วงหน้า พร้อมลายเซ็นของนายซามินาธานในรถคันดังกล่าว โดยบัตรใบหนึ่งมีข้อมูลที่อยู่แห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นจุดที่พบยาเสพติดในภายหลัง แต่นายซามินาธานยืนยันว่า เขาไม่ได้เขียนบัตรดังกล่าว
ผู้พิพากษาปฏิเสธข้อโต้แย้งของนายซามินาธาน แม้เขาจะพยายามต่อสู้ทางกฎหมายมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายเขาก็ถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27 พ.ย.)
การประหารชีวิตดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงสัปดาห์เดียว ก่อนที่ศาลจะเริ่มการไต่สวนกรณีที่นักเคลื่อนไหว 7 คนยื่นฟ้องร้องต่อต้านกฎหมายการประหารชีวิต โดยอ้างว่า โทษประหารชีวิตของสิงคโปร์เป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรับรองสิทธิ์ในการมีชีวิตและสิทธิ์ในการได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน
...
รัฐธรรมนูญของสิงคโปร์ระบุว่า “บุคคลใดจะถูกลิดรอนชีวิตหรือเสรีภาพส่วนบุคคลมิได้ เว้นแต่โดยชอบด้วยกฎหมาย”
สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎหมายต่อต้านยาเสพติดรุนแรงที่สุดในโลก โดยรัฐบาลระบุว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการยับยั้งอาชญากรรมยาเสพติด ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้ใดที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานลักลอบค้า (ซึ่งรวมถึงการขาย การให้ การขนส่ง หรือการให้ยา) สารไดอะมอร์ฟีนเกิน 15 กรัม, โคเคนเกิน 30 กรัม, เมทแอมเฟตามีนเกิน 250 กรัม และกัญชาเกิน 500 กรัมในสิงคโปร์ จะได้รับโทษประหารชีวิต
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักเคลื่อนไหวท้องถิ่นที่เรียกว่า “Transformative Justice Collective” ระบุว่า “ระบบการควบคุมยาเสพติดที่โหดร้ายของสิงคโปร์กำลังถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวทีโลก” และเสริมว่า สิงคโปร์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังคงดำเนินการประหารชีวิตผู้คนในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
แต่รัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันมาตลอดว่า การยกเลิกโทษประหารชีวิตอาจนำไปสู่ผลที่ตามมาที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรม, ความรุนแรง, การเสียชีวิตจากยาเสพติด และการเสียชีวิตของเยาวชนผู้บริสุทธิ์
นาย เค. ชันมูกัม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของสิงคโปร์โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อเดือนมกราคมว่า “ในฐานะผู้ออกนโยบาย เราต้องละทิ้งความรู้สึกส่วนตัว และทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อปกป้องคนส่วนใหญ่... เราไม่สามารถสงบใจได้ หากเราดำเนินการในลักษณะที่จะนำไปสู่การเสียชีวิตของคนบริสุทธิ์จำนวนมากในสิงคโปร์”
อนึ่ง แบบสำรวจความคิดเห็นในปี 2566 ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงมหาดไทยชี้ว่า ราว 69% จากผู้รับการสำรวจจำนวน 2,000 คน ซึ่งมีทั้งพลเรือนและผู้อยู่อาศัยถาวร เห็นด้วยว่า โทษประหารชีวิตเป็นบทลงโทษที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานลักลอบค้ายาเสพติดในปริมาณมาก
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc