"มัลลิกา" สั่งเข้ม การบินพลเรือนฯ จับตาพื้นที่ห้ามบินโดรน รัศมี 9 กิโลเมตร รอบสนามบินในสังกัด คุมความปลอดภัยทางอากาศ รับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกประกาศฉบับที่ 12 เรื่อง “ห้ามบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone) ในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 9 ธันวาคม 2568 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องเข้มงวดมาตรการควบคุมการใช้งานโดรน โดยได้สั่งการให้ท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เฝ้าระวังโดรนในพื้นที่ที่ห้ามบินเด็ดขาด ได้แก่ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ และท่าอากาศยานอุบลราชธานี รวมถึงพื้นที่รัศมี 9 กิโลเมตร (5 ไมล์ทะเล) รอบสนามบินที่กำหนด ได้แก่ ท่าอากาศยานพิษณุโลก ท่าอากาศยานอุดรธานี และท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี

...

โดยให้เข้มงวดด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจสอบและเฝ้าระวังการใช้งานโดรนในบริเวณโดยรอบท่าอากาศยาน ให้ประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ศูนย์ต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (ศบตอ.น.) ในพื้นที่เพื่อจัดตั้งจุดเฝ้าระวังพิเศษ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยสูงสุดในการปฏิบัติการบินและความปลอดภัยของผู้โดยสาร รวมถึงพร้อมตอบสนองต่อสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา ได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์

ด้านนายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน(ทย.) กล่าวว่า กรมท่าอากาศยานพร้อมดำเนินการตามข้อสั่งการและมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด โดยขณะนี้ท่าอากาศยานในสังกัดที่อยู่ในพื้นที่ตามประกาศดังกล่าว มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังจัดเจ้าหน้าที่และเพิ่มความถี่การลาดตระเวนภายในท่าอากาศยาน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการเดินทางของประชาชน รวมถึงติดตั้งป้ายประกาศและประชาสัมพันธ์ข้อห้ามการบินโดรนในเขตพื้นที่ห้ามบินโดยเด็ดขาดรอบสนามบิน เพื่อสร้างความเข้าใจและความตระหนักแก่ประชาชน หากมีการฝ่าฝืนข้อห้ามในพื้นที่หวงห้ามจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือหากพบเห็นการใช้งานโดรนที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรืออาจเป็นภัยต่อความมั่นคง ให้รีบแจ้งข้อมูลแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อดำเนินการต่อไป


อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม