“ยรรยง พวงราช” ซัด “รัฐบาลอนุทิน” ล้มเหลวบริหารประเทศ ทั้งการแก้ปัญหานํ้าท่วมหาดใหญ่-ราคาข้าวตกต่ำกระทบเกษตรกร จี้ แจงผลการขายข้าวแบบ G2G กับสิงคโปร์-ซาอุดีอาระเบียให้ชัด
วันที่ 2 ธันวาคม 2568 นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงปัญหาของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ล้มเหลวทั้งในการแก้ปัญหานํ้าท่วม และแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ จนส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชนหลายสิบล้านคน
นายยรรยง ระบุต่อไปว่า เรื่องนํ้าท่วมนายกรัฐมนตรีได้ออกมายอมรับผิดและขอโทษประชาชนไปแล้ว แต่เรื่องราคาข้าวและรายได้ชาวนา ยังไม่เห็นรัฐบาลได้เริ่มลงมือทำงานจริงจัง นอกจากการโฆษณาว่าสามารถขายข้าวบิ๊กล็อตแบบ G2G (รับต่อรัฐ) ให้ต่างประเทศได้หลายแสนตัน ซึ่งมาถึงขั้นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรี และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ น่าจะเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตัวเองได้ชัดเจนแล้วว่า ประชาชนต้องการเห็นผลลัพธ์ หรือผลผลิตที่ชัดเจนที่จะได้รับผลประโยชน์จริงๆ เช่น รัฐบาลขายข้าวแบบ G2G และส่งออกได้แล้วกี่ตันในราคาเท่าใด มีผลทำให้ราคาข้าวเปลือกสูงที่ชาวนาขายได้จริงเท่าใด และราคาส่งออกข้าวสารที่เป็นรายได้เข้าประเทศเท่าใด เพราะประชาชนไม่ได้ต้องการเห็นนายกรัฐมนตรีที่ขยันทำงานหามรุ่งหามคํ่า แต่ไม่ได้ผลที่เป็นรูปธรรม อย่างกรณีการโชว์ฝีมือปรุงอาหารเพื่อแจกผู้ประสบภัย
นายยรรยง ยังเผยถึงกรณีที่นางศุภจี ตีปี๊บผ่านสื่อว่า ได้เดินสายขายข้าวได้หลายแสนตันให้แก่รัฐบาลสิงคโปร์และซาอุดีอาระเบียนั้น เป็นเพียงลมปากหรือได้ทำสัญญาซื้อขายจริงแล้ว และมีออเดอร์ซื้อข้าวจากทั้ง 2 ประเทศแล้วจริงๆ กี่ตัน ถูกกดราคาหรือไม่ และรัฐบาลได้มอบให้หน่วยงานภาคเอกชนใด เป็นผู้จัดหาปรับปรุงและส่งมอบ ขณะนี้ส่งมอบได้แล้วกี่ตัน และใช้ระยะเวลายาวนานเท่าใด เพราะหากกำหนดระยะส่งมอบนานหลายปี หรือจนพ้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวไปแล้ว การส่งออกข้าวแบบ G2G ก็จะไม่เป็นผลดีต่อชาวนาแต่อย่างใด เพราะข้าวหลุดมือชาวนาไปแล้ว
...
ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวในช่วงนี้ นายยรรยง เห็นว่า ไม่ได้พุ่งสูงขึ้นตามที่รัฐบาลพยายามประโคมข่าวผ่านสื่อฯ ซึ่งอาจสรุปได้ในภาพรวมว่า ราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ช่วงรัฐบาลนายอนุทิน ยังตกตํ่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ กระเตื้องดีขึ้นใกล้เคียงกับช่วงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องมีความเห็นตรงกันว่า รัฐบาลอนุทินล่าช้ามากในการช่วยเหลือชาวนา โดยเพิ่งเริ่มประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 หรือ 2 เดือนหลังตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือครึ่งเทอมของรัฐบาล หลังจากที่ชาวนาได้เก็บเกี่ยวและขายข้าวเปลือกเจ้าไปเกือบหมด ในราคาขาดทุนและชาวนาอีสาน และภาคเหนือเริ่มเก็บเกี่ยวและขายข้าวหอมมะลิในราคาตํ่าไปมากแล้ว
นอกจากนี้ มาตรการที่รัฐบาลจะช่วยพยุงราคา เป็นมาตรการเดิมๆ ที่รัฐบาลก่อนๆ ทำมาแล้วทั้งสิ้น เช่น ชดเชยค่าจัดเก็บข้าวเพื่อชะลอการขาย ก็ยังไม่ได้ดำเนินการเพราะยังทำไม่ได้ ครม. ยังไม่ได้อนุมัติ ทั้งนี้ ตนรู้สึกผิดหวังกับรัฐบาลอนุทิน และนางศุภจีมาก เพราะเคยตั้งความคาดหวังไว้สูง แต่เมื่อได้ติดตามดูการทำงานโดยละเอียดแล้วจึงฟันธงได้ว่า “รัฐบาลอนุทินล้มเหลวในการบริหารประเทศ ทั้งเรื่องแก้ไขปัญหานํ้าท่วมหาดใหญ่และภาคใต้ การแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำและรายได้เกษตรกร อีกทั้งรู้สึกสงสารเห็นใจพี่น้องชาวนาทั่วทั้งประเทศ พี่น้องชาวนาใต้และหาดใหญ่ที่ต้องมารับเคราะห์เพราะรัฐบาลที่ไร้ฝีมือที่พวกเขาไม่ได้เลือกให้เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศ แต่เข้ามาด้วยอุบัติเหตุทางการเมือง”