“ไชยา พรหมา” ลั่นไม่ลืมบุญคุณบ้านหลังเดิม อยู่กับเพื่อไทยมา 24 ปี แจงเหตุผลย้ายซบพรรคกล้าธรรม ขอเลือกเส้นทางที่เปิดโอกาสให้ได้ดูแลพี่น้องเกษตรกรอย่างใกล้ชิด ย้ำหัวใจและเจตนารมณ์ยังเหมือนเดิม


เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2568 นายไชยา พรหมา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีต สส.หนองบัวลำภู เขต 2 พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังมีกระแสข่าวตัดสินใจย้ายมาพรรคกล้าธรรม (กธ.) ว่า ด้วยความเคารพและสำนึกในบุญคุณประชาชน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ยากที่สุดในชีวิตทางการเมืองของตน ขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนและผู้ใหญ่ที่เคารพรักทุกท่าน ว่า การตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทย ในครั้งนี้ด้วยเหตุผลจากความจำเป็นในการทำงานทางการเมือง ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู มิใช่ด้วยเหตุแห่งผลประโยชน์ส่วนตนแต่อย่างใด

ตลอดระยะเวลาที่เป็นผู้แทนมา 9 สมัย อยู่กับพรรคเพื่อไทยมา 24 ปี พรรคแห่งนี้เปรียบเสมือนบ้านที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใด ตนเองยึดมั่นในอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างซื่อสัตย์ และไม่เคยลืมบุญคุณของพรรคและผู้ใหญ่ทุกท่าน ที่ให้โอกาสผมได้ทำงานรับใช้ประชาชน ได้ทำหน้าที่ตามบทบาทและอำนาจหน้าที่ อย่างเต็มความสามารถด้วยความเคารพและกตัญญูอย่างที่สุด

นายไชยา ระบุต่อไปว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ได้คิด ทบทวน และไตร่ตรองมาอย่างหนัก ในฐานะผู้แทนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ ต้องเผชิญกับความยากลำบากด้านปากท้อง รายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งตนพยายามผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อพี่น้องเกษตรกร และคนในพื้นที่ตนมาโดยตลอด ตนเคยมีโอกาสได้ทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนถูกปรับออก

...

“ผมยอมรับจากใจว่าผมยังทำหน้าที่ตอบแทนพี่น้องเกษตรกรได้ไม่สมกับความไว้วางใจที่ได้รับเลย วันนี้ผมจึงขอเลือกเส้นทางที่เปิดโอกาสให้ผมได้ทำหน้าที่ดูแลปากท้องของพี่น้องเกษตรกรอย่างใกล้ชิด ผมไม่ได้เลือกไปพรรคใหญ่ที่เป็นกระแสนิยม แต่ผมเลือกพรรคที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาของพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง แม้วิธีการเดินทางอาจเปลี่ยนไป แต่หัวใจและเจตนารมณ์ในการทำงานเพื่อประชาชน ยังคงเหมือนเดิม บ้านหลังเดิมยังอยู่ในความทรงจำเสมอ เพื่อนร่วมอุดมการณ์ยังคงอยู่ในหัวใจ และผมจะสู้เพื่อพี่น้องเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่อย่างสุดกำลังความสามารถ ตราบเท่าที่ผมยังมีโอกาสทำหน้าที่นี้ ด้วยรักและเคารพ”