เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผย หน่วยยามฝั่งกำลังไล่ติดตามเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งในน่านน้ำสากลใกล้กับเวเนซุเอลา โดยนี่นับเป็นเรือลำที่ 3 ในรอบ 2 สัปดาห์ที่สหรัฐฯ เข้าสกัด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ กำลังไล่ติดตามเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งในน่านน้ำสากลใกล้กับประเทศเวเนซุเอลาเมื่อวันอาทิตย์ (21 ธ.ค.) นับเป็นการสกัดกั้นเรือที่ถูกคว่ำบาตรเป็นครั้งที่ 3 ในรอบไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันต่อเวเนซุเอลามากขึ้นเรื่อย ๆ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งระบุว่า หน่วยยามฝั่งอยู่ระหว่างการไล่ติดตาม เรือบรรทุกน้ำมันที่มีความเชื่อมโยงกับการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของเวเนซุเอลา โดยเรือลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า “กองเรือมืด” (Dark Fleet) และถูกกล่าวหาว่าชักธงปลอมเพื่อตบตาคำสั่งยึดทรัพย์
เจ้าหน้าที่อีกรายระบุว่ายังไม่มีการบุกขึ้นไปบนเรือ โดยตั้งข้อสังเกตว่าการสกัดกั้นอาจรวมถึงการติดตามอยู่ห่างๆ หรือการเฝ้าสังเกตการณ์ทางอากาศ มากกว่าการบุกเข้ายึดในทันที
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนไม่ได้ระบุชื่อของเรือบรรทุกน้ำมันหรือเปิดเผยตำแหน่งที่แน่ชัด ส่วนทางทำเนียบขาวเองก็ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใดๆ ในทันที
การไล่ติดตามครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ “ปิดล้อม” เรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรทุกลำที่เข้าหรือออกจากเวเนซุเอลาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์กดดันประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ซึ่งรวมถึงการเพิ่มกำลังทหารสหรัฐฯ ในภูมิภาค และการโจมตีเรือต่างๆ ในทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแปซิฟิก
ทั้งนี้ นายเควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า เรือบรรทุกน้ำมันสองลำแรกที่ถูกยึดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั้นดำเนินการอยู่ในตลาดมืดและส่งน้ำมันให้กับประเทศที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร
...
นายแฮสเซตต์ยังพยายามลดกระแสความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อราคาน้ำมันในสหรัฐฯ ด้วย โดยระบุว่าการบุกยึดดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเรือจำนวนเพียงไม่กี่ลำเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนเตือนว่า การดำเนินการล่าสุดนี้อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันขยับสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อตลาดเอเชียเปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องจากเหล่านักเทรดกำลังประเมินความเสี่ยงที่การส่งออกของเวเนซุเอลาอาจถูกขัดขวางมากขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์รายอื่นมองว่า การยึดเรืออาจเพิ่มความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
นักวิเคราะห์ระบุเพิ่มเติมว่า แม้การคุมเข้มด้านโลจิสติกส์อาจบีบให้น้ำมันดิบที่ถูกคว่ำบาตรต้องขายในราคาที่ลดกระหน่ำยิ่งกว่าเดิม แต่การเผชิญหน้าครั้งนี้ก็ตอกย้ำถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในตลาดน้ำมันโลก ในขณะที่วอชิงตันเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรของตนเอง
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna