ตำรวจออสเตรเลียเผย มือปืนกราดยิงหาดบอนไดไปอยู่ฟิลิปปินส์นานเกือบ 1 เดือนก่อนก่อเหตุ และการลงมือของพวกเขาดูเหมือนจะได้แรงบันดาลใจจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม
เมื่อวันอังคารที่ 16 ธ.ค. 2568 ตำรวจออสเตรเลียเปิดเผยว่า มือปืน 2 คนผู้ก่อเหตุกราดยิงเทศกาล “ฮานุกกะห์” ที่หาดบอนได ในนครซิดนีย์ ซึ่งสังหารผู้บริสุทธิ์ไป 15 ศพ เดินทางไปยังฟิลิปปินส์ไม่นานก่อนกลับมาลงมือก่อเหตุ และดูเหมือนจะได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส)
การโจมตีดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) ถือเป็นเหตุกราดยิงครั้งเลวร้ายที่สุดของออสเตรเลียในรอบเกือบ 30 ปี และกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนในฐานะคดีก่อการร้ายที่มุ่งเป้าหมายไปที่ชุมชนชาวยิว
จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ยังคงอยู่ที่ 15 ศพ ไม่รวม 1 ใน 2 มือปืนที่ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุ โดยตำรวจระบุว่าเขาชื่อ ซาจิด อัคราม อายุ 50 ปี ขณะที่ลูกชายวัย 24 ปี ชื่อว่า นาวีด ซึ่งร่วมก่อเหตุในคดีนี้ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอาการอยู่ในขั้นวิกฤต และกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล
ตำรวจระบุว่า พ่อลูกอัครามเดินทางไปยังฟิลิปปินส์ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนวัตถุประสงค์ของการเดินทาง
ด้านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองฟิลิปปินส์กล่าวว่า ทั้งสองคนเดินทางไปยังกรุงมะนิลาและเดินทางต่อไปยังเมืองดาเวาทางตอนใต้ของประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน และเดินทางออกจากประเทศเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุกราดยิงที่หาดบอนได
เจ้าหน้าที่ระบุอีกว่า ผู้เป็นพ่อเดินทางด้วยหนังสือเดินทางอินเดีย ส่วนลูกชายใช้หนังสือเดินทางออสเตรเลีย และเสริมว่ายังไม่มีข้อสรุปว่าพวกเขาเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายใด ๆ หรือได้รับการฝึกฝนในประเทศดังกล่าวหรือไม่
...
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันว่าเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม มีการเคลื่อนไหวในฟิลิปปินส์และมีอิทธิพลในบางพื้นที่ของเกาะมินดาเนาตอนใต้ของประเทศ อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เครือข่ายเหล่านี้มีขนาดเล็กลงมากแล้ว
คริสซี บาร์เร็ตต์ ผู้บัญชาการตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย กล่าวในการแถลงข่าวว่า ข้อบ่งชี้เบื้องต้นชี้ไปยังการโจมตีก่อการร้ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มรัฐอิสลาม และย้ำว่า นี่คือการกระทำของผู้ที่เข้าร่วมกับองค์กรก่อการร้าย ไม่ใช่ศาสนา
ตำรวจยังกล่าวด้วยว่า ในรถยนต์ที่ลงทะเบียนในชื่อของ นาวีด อัคราม มีวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง (IEDs) และธงทำมือ 2 ผืนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มไอซิส ซึ่งตอนนี้ทางการยังคงพยายามรวบรวมข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจว่าเขาก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งความรุนแรงได้อย่างไร
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : reuters